วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ลักษณะห้องพัก ที่ใช้เวลาทำความสะอาดนานขึ้น ไม่สามารถทำความเร็วได้

งานทำความสะอาดห้องพัก โรงแรม รีสอร์ท แม่บ้านต้องใช้ความเร็ว ในการทำ ต้องทำให้เร็วที่สุด และสะอาดเรียบร้อย สวยงาม
ดังนั้นลักษณะห้องพัก ที่ใช้เวลาทำความสะอาดนานขึ้น ไม่สามารถทำความเร็วได้ 
1.ลักษะณะของเตียง ที่ไม่เป็นรูปร่างมาตรฐาน มีขอบยื่น เกินฟูก  หรือมีลักษณะยกขอบขึ้น เป็นหลุมลึก ลงไป จะทำให้เปลี่ยนผ้าปูยากลำบาก หรือเตียงเป็นรูปตั่ง แม่บ้านต้องนั่งกับพื้นปู ,เตียงมีเสา 
โดยลักษณะของเตียง จะใช้เวลาปูผ้ามากกว่าปกติ ทำความเร็วเหมือนเตียงมาตรฐาน ไม่ได้ 
2.การใส่ของประดับ เครื่องตกแต่งในห้อง เพื่อความสวยงาม แต่ถ้ามากเกินไป  เลือกของใช่ประดับที่จับฝุ่น แตกหัก ง่าย แม่บ้านต้องใช้เวลา ระมัดระวังมากว่าปกติ
3.โต๊ะตู้ ลิ้นชัก หรือที่ใส่ของที่มีมากเกินจำเป็น จะลำบากตอนตรวจเชคของ ลูกค้าจะลืมของในลิ้นชักบ่อยมาก 
4.งานตกแต่งห้อง ให้มีลักษณะเป็นซอก หลืบ ซี่ไม้ ชั้น ที่มีมากเกินไป
5.ขนาดผ้าปู ใส้นวม ปลอกหมอน ไม่พอดี จะทำให้แม่บ้านเสียเวลา หมุนผ้า และผ้าที่ซักไม่สะอาด เมื่อแม่บ้านปูแล้วเจอผ้าเปื้อน ต้องเสียเวลาเปลี่ยนใหม่
  

บางครั้งงานทั้งหมดก็สามารถทำได้ เพียงแต่ใช้เวลาทำนานขึ้นมากกว่า งานห้องพักที่เป็นมาตรฐาน และอาจจะต้องใช้กำลังคน ทำความสะอาดมากกว่า 
ถ้าหากเร่งความเร็วห้องก็จะไม่สะอาด แม่บ้านก็จะอยู่ทำงานไม่ทน ยกตัวอย่างเตียงที่มีขอบยกสูงขึ้น แม่บ้านต้องทำงานหนักกว่าปกติ ต้องยกฟูกขึ้นทุกวัน จะทำให้ปวดหลัง 
ถ้าหากขายห้องราคาไม่แพง แต่ใช้กำลังคนทำความสะอาดมาก จ้างแม่บ้านเยอะเกิน เพราะทำห้องไม่ทัน  ก็จะขาดทุน 
ถ้าหากขายห้องราคาแพงแล้ว ให้เวลาแม่บ้านทำห้องเต็มที่ แม่บ้านมีงานรับผิดชอบต่อการทำห้อง เพียงพอแก่กำลังของเขา 
ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ไม่ปัญหาหรืออุปสรรค ของงานแม่บ้านโรงแรมเลย

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สรุปห้องพักที่ทำให้แม่บ้าน ต้องเพิ่มเวลาทำงานมากขึ้น หรือห้องที่ทำให้สะอาดยาก

สรุปห้องพักที่ทำให้แม่บ้าน ต้องเพิ่มเวลาทำงานมากขึ้น หรือห้องที่ทำให้สะอาดยาก 
1.งานภายในห้องที่ออกแบบเป็นแบบงานปูเปลือย อันนี้โหด แบบโกรธใครไม่ได้เพราะเวลาทำห้องแล้วเหมือนไม่ทำ ทำเสร็จแล้วยังไงก็ไม่สะอาด เพราะคนออกแบบเขาดีไซด์ให้ห้องดูดิบ เถื่อนเป็นธรรมชาติ ดังนั้นจะมองให้สะอาดเรียบหรู เหมือนงานกระเบื้องงานวอลเปเป้อร์ไม่ได้ ดังนั้นลูกค้าเข้าห้องก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ห้องที่ไม่ค่อยสะอาด สีที่เข้มของปูนเปลือยบางที่ช่างลงเงา ทำให้เห็นฝุ่นจับไปตามผนังห้องชัดเจนมาก พื้นที่ขัดมัน จะเหนียวกินคราบสกปรกได้ง่าย เวลาเดินจะรู้สึกว่าไม่สะอาดเท้า  เวลาโดนน้ำหอม น้ำยาล้างเล็บ แม้แต่แก้วน้ำร้อน หรือก้นการ้อนๆ เตารีด ขึ้นรอยด่างง่ายมาก  
ส่วนงานปูนเปลือยห้องน้ำโหดยิ่งกว่า ส่วนแห้งไม่เท่าไหร่ ถ้าเอามาลงโซนอาบน้ำ แม่บ้านจิร้องให้ โดนน้ำยาล้างห้องน้ำ อะไรไม่ได้เลย 
แรกๆก็ดูเหมือนง่าย เพราะถูกเคลือบด้วยแวกซ์อยู่ พอนานๆเข้าแวกซ์เสื่อม สบู่ฝัง เชื้อราขึ้นตามขอบ คราบขาวๆเหลืองๆดำๆ เต็มผนัง ทำให้ห้องน้ำสกปรก เพราะใช้น้ำยาขัดยาก ขัดมากๆ แวกซ์ก็เสื่อม 
2.งานผนัง เฟอร์นิเจอร์ สีดำ ,สีเข้ม ถ้ามีเล็กน้อยไม่เป็น แต่ถ้าพื้นที่สีดำเยอะๆ จะเป็นรอยคราบได้ง่ายเห็นชัดเจนกว่าสีขาว โดนเฉพาะฝุ่นกับสีดำ จะเห็นฝุ่นชัดมากถึงชัดที่สุด
ถ้าสีดำไปอยู่ในห้องน้ำ อยู่โซนแห้งจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าอยู่โซนอาบน้ำ มาทุกคราบเลยจ๊า อยากเห็นคราบอะไร คราบน้ำ คราบหินปูน คราบสบู่  ชัดกว่าสีขาว ถ้ากระเบื้องหน้าสาก คราบจะฝังแน่นเอาออกยากกว่าเดิม ถ้าใช้กรดแรงๆขัดกระเบื้องดำก็จะ ด่างๆดวงๆ 
3.งานหินอ่อน หินอ่อนสีเข้มจะมีความทนต่อกรดน้อยกว่าสีขาว ยิ่งสีเข้มมากเท่าไหร่ก็ต้องระวังให้มาก โดนน้ำยาล้างเล็บ น้ำหอม น้ำยาเช็ดกระจก และน้ำยาล้างห้องน้ำไม่ได้เลย หินอ่อนบางตัวแม้แต่วางแก้วกาแฟ ก็ขึ้นรอยด่าง เมื่อเปื้อนหรือสกปรก หาน้ำยาขัดออกยาก เราต้องทนเห็นคราบสกปรกนั้นอีกนาน ยกเว้นให้ช่างมาขัดหน้าหินใหม่ 
4.งานเอาหินปูพื้น งานทรายล้าง ในห้องอาบน้ำ แม่บ้านต้องคอยเก็บขน ผม ทีละเส้นออกจากหิน ขัดขี้ตระใคร่หิน กักเก็บกลิ่นฉี่ไว้ในรอยพรุนของหินบางก้อน พื้นข้างล่างหินขัดไม่ทัน 
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่า แม่บ้านจะทำให้สะอาดไม่ได้  แต่มันต้องใช้เวลานานกว่าแบบอื่นๆ ใช้การดูแลเป็นพิเศษ น้ำยาก็ต้องถนอมผิว สกิลแม่บ้านต้องสูงการเอาใจใส่ มากเป็นพิเศษ งานเหล่านี้ถึงจะแลดูสะอาด และไม่พังเร็ว

มีเพิ่มอีกนะคะ อีกโพสต่อไป
ครูออย.

ระดับ2 "การวางกำลังคน ในโรงแรมขนาดเล็ก "

ระดับ2 "การวางกำลังคน ในโรงแรมขนาดเล็ก " 
ในที่นี้ จะเสนอข้อที่ การเพิ่ม ราคาห้องให้สูงขึ้น ตรงนี้ จะยากง่ายขึ้นอยู่กับ โลเคชั่น ความสวยงามของรีสอร์ท ความเป็นเฉพาะ หรือ เป็นเอกลักษณ์ ที่โดดเด่น เป็นที่นิยม ถ้ารีสอร์ท มีคุณสมบัตินี้ ราคาห้อง จะไม่มีเพดาน จะทำสูงเท่าไหร่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถและการจัดการ 
แต่ถ้าไม่มี คุณสมบัติข้างต้น กลุ่มลูกค้าจะแคบลง และจะมีเพดานราคาห้อง ที่ทำให้เราไม่สามารถ เพิ่มให้สูงขึ้นได้ ตรงนี้ต้องอาศัยการตลาด ทำให้ห้องที่มีอยู่ ขายได้ปริมาณมากขึ้น แต่ถ้าห้องมีน้อย เวลาช่วง วันหยุด วันนักขัติฤกษ์ ขายดี ห้องเต็ม วันธรรมดาห้องว่าง โล่งโจ้ง ตรงส่วนนี้ เราก็ต้องมาหาจุดขาย ในวันธรรมดาให้มีลูกค้า 
ถึงตรงนี้แหล่ะที่เราต้องหันมาพัฒนาคุณภาพพนักงาน และพัฒนาห้องพัก ให้มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของลูกค้า 
ไม่ว่าเราจะขายห้องในราคาสูงลิบลิ่ว หรือราคาถูก มาก อย่างไร 
พนักงานก็เป็นส่วนที่สำคัญ ของมูลค่าห้องพักในรีสอร์ท 
เพราะลูกค้าจะสัมผัสความคุ้มค่า กับเงินที่จ่ายไป คาดหวังกับตัวพนักงาน อยู่ดี 
บางครั้งเราอาจจะไม่ได้นับที่พนักงานพูดเพราะต้อนรับดี มีมารยาท แต่รวมถึง บรรยากาศ ที่พนักงานสร้างขึ้น ในองกรณ์ในเรื่องการประสานงานกันภายในความเข้าอกเข้าใจ การเอาใจใส่ต่อกันของเพื่อนร่วมงานด้วย อาจจะหมายถึงความสุข ในองค์กรณ์ด้วยส่วนหนึ่ง ที่จะเกี่ยวพันกับบรรยากาศการต้อนรับลูกค้าด้วย
และรวมถึง สิ่งที่พนักงาน จับต้องของทุกอย่างให้ลูกค้า ได้กิน ใช้ เสพ การทำห้อง การทำอาหาร รายละเอียดต่างๆ แม้แต่ก้นบุหรี่ตามทางเดิน หรือเส้นขนบนผ้า ขาแมลงสาบ ในห้องน้ำ 
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่ลูกค้าได้รับ ตั้งแต่ ติดต่อกันครั้งแรกจนถึงในห้องพัก ต้องเก็บรายละเอียดทุกเม็ด 
ยิ่งเราเก็บได้มากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้ราคาห้องที่ทำสูงขึ้น และคุ้มค่ากับที่ลูกค้าจ่ายมา
 ดังนั้นการเพิ่มศักยภาพของพนักงาน ได้มากเท่าไหร่ ก็จะมีส่วนช่วย ในเรื่องการขาย ได้มากเท่านั้น สำหรับโรงแรมขนาดเล็ก 
ในเรื่องของการแชร์งานของฟร้อน ในส่วนงานแม่บ้าน 
ครูจะฝึกให้ฟร้อนทุกคน รู้จักงานแม่บ้าน แบบละเอียดยิบ มากกว่าแม่บ้าน ตัวจริง ในช่วงการเริ่มต้น ทำรีสอร์ท เราไม่สามารถ สร้างหัวหน้าแม่บ้านได้ 
เพราะข้อจำกัดเรื่องกำลังคน  และ ข้อจำกัดในตัวหัวหน้าแม่บ้านเอง
  เขาทำงานเก่งแต่บางทีก็ติดปัญหาภาวะความเป็นผู้นำ ควบคุมคนไม่ได้ 
 ดังนั้น ครูจะฝากงานหัวหน้าแม่บ้านไปที่ฝั่งฟร้อน ในระยะการเปิดใหม่โรงแรมเล็ก  เพื่อให้ทุกคนคุ้นเคยกับงานหน้าบ้านและหลังบ้าน ให้ฝั่งหน้าบ้านมาตรวจงานหลังบ้าน แทนที่เราจะใช้หัวหน้าแม่บ้าน 
เพราะ ฟร้อนเขาเป็นพนักงานขายห้อง ต้องQC.ของที่ตัวเองจะขาย ว่าอยากได้คุณภาพประมาณไหน ลูกค้าถึงจะพอใจ เวลาขายห้องจะได้มั่นใจ และบอกลูกค้าได้ว่าห้องเราดี สะอาด เพราะผ่านการตรวจ ด้วยตัวเอง 
การที่ฟร้อนจะตรวจสอบคุณภาพห้องพักโดยที่จู่ๆเข้าไปตรวจเลยโดยที่ไม่มีความรู้งานหลังบ้าน อันนี้เป็นเรื่องใหญ่เลย แม่บ้านจะต่อต้าน ไม่พอใจ หาว่ามาจับผิด งานนี้ล้มเหลวแน่ๆ 
ดังนั้น ความรู้ด้านงานแม่บ้านจะสำคัญสำหรับฟร้อนมาก เพราะจะช่วยให้เขาควบคุมคุณภาพห้องพักได้ ประสานงานกับแม่บ้านได้ราบรื่นขึ้น. และฟร้อนท์ สามารถฝึกความเป็นสแตนดาร์ดเซ็ตอัพห้องได้ดี คุมสภาพห้องให้ได้มาตรฐานได้ ต่อให้เราเปลี่ยนแม่บ้านกี่คน คุณภาพและการเช็ตห้อง จะเป็นอย่างที่เราวางไว้ 
แบบแผนการตรจสอบห้องทั้งหมดจะอยู่ในมือของส่วนหน้าบ้านทุกคนทำได้เหมือนๆกัน เราก็จะหมดปัญหา ความรู้อยู่ที่คนคนเดียว ถ้าเขาลาออกไปทุกอย่างจะรวนหมด
และจะลดปัญหาการเข้าข้างกัน เกรงใจกัน หรือขัดแย้งไม่พอใจ ถ้ายกการตรวจสอบห้องไว้ที่คน คนเดียว
ระดับต่อไป จะเขียนเจาะ งานฟร้อน สู่งานแม่บ้านให้นะคะ

การวางกำลังแม่บ้านทำความสะอาด ในโรงแรมขนาดเล็ก

การวางกำลังคน ในโรงแรมขนาดเล็ก 
ปกติถ้าเป็นโรงแรม ขนาด 100ห้องขึ้นไป จะไม่ค่อยเป็นปัญหามาก เพราะจำนวนห้องเยอะ จะหาจุดคุ้มทุนได้ง่าย จัดกำลังคนแยกเป็นแผนก เฉพาะ ได้  แต่โรงแรมรีสอร์ท ขนาดเล็ก ต่ำกว่า100ห้อง ลงมา สัก 7ห้อง 10ห้อง หรือไม่เกิน 50 ห้อง การจัดวางกำลังคน จะยิ่งยาก ตามจำนวนห้อง ยิ่งจำนวนห้องน้อยลง ก็ยิ่งจัดวางยาก  
เพราะจะมีห้อง 7 หรือ 10 หรือ 20 หรือ 40 50 ห้อง ก็จะใช้พนักงานในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน 
ดังนั้นถ้าเรามีห้องน้อย จะมีพนักงาน เต็มพิกัด ก็ไม่ได้ 
ถ้าพนักงานไม่ครบกะ ก็หมุนกะ กันจนเหนื่อยล้า แล้วก็ลาออกกันเยอะ เพราะไม่มีวันหยุด พัก 
มีพนักงานครบกะ เต็มกำลัง แต่ห้องมีแค่ 10 ห้อง รายรับที่ได้ ก็ไม่พอจ่ายเงินเดือนพนักงาน  ส่วนใหญ่เจ้าของรีสอร์ท จะเอาตัวเองมาเป็นพนักงาน ในโรงแรม ที่จำนวนห้องน้อยๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องจ้างพนักงานเยอะ แต่เมื่อทำไประยะหนึ่งก็จะถึง ทางตัน ด้วยความเหนื่อยล้า และความคิดสร้างสรร ในการต่อยอดธุรกิจ จะค่อยๆถดถอยไปเรื่อยๆ 
ปกติครูจะแนะนำได้สองทาง คือ 1. ขยายห้องเพิ่ม เพื่อจะได้จุดคุ้มทุน เรื่องการขายห้องด้วยปริมาณ ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายพนักงาน 
2. ถ้าเพิ่มห้องไม่ได้ ก็เพิ่มราคาห้องให้สูงขึ้น 

หรืออีกทางหนึ่งพิเศษที่ครูใช้ คือเพิ่มศักยภาพพนักงาน  และจัดการเวลา การทำงาน ให้เหมาะสม กับหน้างาน 
ในที่นี้ ขอเรื่องการจัดการเวลาก่อน นะคะ 
แต่ละรีสอร์ทจะมีหน้างานที่ต่างกัน พฤติกรรม ลูกค้าต่างกัน ขอแชร์สักที่หนึ่งนะคะ 
ตรงนี้จะเป็นโรงแรม 30-40ห้อง อยู่ในตัวเมือง กลุ่มลูกค้าเป็น เซล เป็นพนักงานบริษัท มาติดต่องานครั้งคราว  เป็นข้าราชการ มาประชุม  และเป็นกลุ่มนักธุรกิจธรรมดา ที่พอใจจะจ่ายค่าห้อง 600-1,200บ. ลูกค้าแบบนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นลูกค้าประจำ และบอกต่อ คุ้นเคยกับพนักงานได้ง่าย
ดังนั้น การวางกำลังพนักงาน จะลองใช้รูปแบบ ที่ไม่ต้องเฝ้า หน้าฟร้อน ตลอด 24ชั่วโมง เราก็จะลด พนักงานกะดึก ได้ 
ลูกค้ากลุ่มนี้จะเชคเอาน์เร็ว เช้า 6โมงก็จะเริ่มไปทำงานแล้ว 
ดังนั้นเราจะจัดกะ ฝ่ายฟร้อน ไว้ที่ 6.00-15.00น.และเริ่มกะบ่ายที่ 12.00-21.00น. ใช้กะละ 1คน ก็เพียงพอ สำหรับห้องประมาณนี้ 
ตอนดึก อาจจะให้ รปภ.เฝ้า กะให้ หรือ จะใช้ ระบบติดต่อทางไลน์ เบอร์ฉุกเฉิน หลายๆช่องทาง ให้ลูกค้าติดต่อหาเราได้เร็วที่สุด ในเวลาที่ ปิด ฟร้อน 
อย่าลืม ว่าเราต้อมี พนักงานฟร้อน เพิ่มขึ้นอีกคน เผื่อว่า 2คน นั้นหยุดงาน แต่ถ้าไม่มีใครหยุด คนนี้จะเข้ากะ กลาง คือ กะ 10.00น.-19.00น.
อันนี้คือวางกำลังคนแบบตึงๆ (งบประมาณ)

ส่วนแม่ บ้าน ให้นับ ที่ 14ห้อง ต่อ 1คน หลวมๆไว้ก่อน 
เช่น-ถ้า มี 30 ห้อง จะใช้แม่บ้าน 2+1     -20ห้อง ใช้แม่บ้าน 2+1 มี 
-40ห้องใช้แม่บ้าน 3+1 
-ถ้ามี 12ห้องลงมา ใช้แม่บ้าน 1+1
หมายถึง เรามีแม่บ้านหลักทำห้อง และต้องบวกแม่บ้าน ที่ต้องแทนวันหยุด แม่บ้านที่หยุดงานด้วย 
     แต่แม่บ้าน 1คน ต่อ 14ห้อง ไม่ใช่มาตรฐาน ที่ดี  ที่ยึดได้ นับหลวมๆ ที่1คน ต่อ14 ขึ้นอยู่กับราคาห้อง การตกแต่งดีไซด์ การใส่ของจุกจิก มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง  ความยากง่ายของการตกแต่ง วัสดุที่ใช้ในห้องพัก บางสี บางแบบทำยาก ต้องใช้เวลาเยอะ ซอกหลืบ ขอบโค้ง ซี่ไม้ ไม้สาน งานปูนเปลือย  ข้อจำกัดเรื่องน้ำ ความเก่าของห้อง ความยากของเตียงมีขอบไม่มีขอบ มีเสา มีมุ้ง มีขอบยื่น ลื่นชนขอบเตียง
จำนวนผ้าที่ สต๊อก อุปกรณ์ของใช้แม่บ้านที่ทันสมัย   และอื่นๆ อีกเยอะ ที่จะทำให้เพิ่มเวลาในการทำห้อง ของแม่บ้าน 
กำลังคนขึ้นอยู่กับราคาห้องและความคาดหวังเรื่อง คุณภาพห้อง และความสามารถประสบการณ์ของแม่บ้านด้วย 

โรงแรมขนาดเล็ก เราสามารถ แชร์ แม่บ้าน กับฟร้อน สามารถทำงานแทนกันบางอย่างได้ด้วย 
จะทำให้เราสามารถลดการจัดกำลังคน เกินเนื้องานได้ด้วย 
ตรงนี้ขอแชร์ประสบการณ์เท่านี้ก่อนนะคะ ว่างๆจะมาเขียนใหม่
 ครูออย

เจ้าของโรงแรมมือใหม่ ว่าเปิดโรงแรมควรเริ่มต้นอย่างไร ในการจัดเตรียมกำลังคน

วันนี้มีคำถาม จากเจ้าของโรงแรมมือใหม่  ว่าเปิดโรงแรมควรเริ่มต้นอย่างไร ในการจัดเตรียมกำลังคน มีห้องพัก แค่40ห้อง ราคาไม่เกิน 1,000  บาท เป็นโรงแรมกลางเมือง กลุ่มลูกค้าจะเป็นคนทำงาน มากกว่านักท่องเที่ยว จะทำราคาสูงไม่ได้ 
    ถ้าเป็น Budget hotel จะอยู่ที่ราคา 700-1,200  ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาเรื่องกำลังคน ทั้งแม่บ้านและ Front ฝ่ายซ่อมบำรุง
ถ้าแม่บ้านมีน้อย ห้องก็ทำไม่ทัน เน้นคุณภาพความสะอาดห้องพักไม่ได้ จะเห็นจากรีวิวโรงแรมที่มีราคาห้องประมาณนี้จำนวนมาก จะไม่ค่อยมองว่าสวยหรือไม่สวย แต่จะเน้นความสะดวก สะอาด และสบาย  
และส่วนใหญ่ลูกค้าจะบ่น ว่าและพนักงานไม่เป็นมิตร ห้องสกปรก อับ มีแต่ฝุ่น เส้นผม แมลงสาบ มด กลิ่นท่อเหม็น ฝ้าเพดานรั่ว เชื้อราเหลือง อุปกรณ์ห้องน้ำห้องนอนชำรุด  แอร์ไม่เย็น น้ำไม่ร้อน ห้องเสียงดัง 
เพราะพนักงานมัวแต่ขายอย่างเดียว แม่บ้านก็เปลี่ยนผ้า เช็ดห้องน้ำ ทิ้งให้แห้งเองไม่ขัด เพราะรีบทำให้เสร็จ คุณภาพห้องพักก็แย่ลงทุกวัน  ตอนเปิดใหม่ ก็ดีอยู่ ยังมองไม่เห็นความสกปรก หรือความทรุดโทรมของห้อง ลูกค้าก็พากัน เข้าไปเยอะ นานๆเข้า ห้องเริ่มโทรม จากการใช้งาน และขาดความเอาใจใส่ ห้องสกปรก  ลูกค้าก็เริ่มลดลง ไปหาโรงแรมใหม่ที่ดูสะอาดกว่า 
ถ้าหากเราจัดกำลังคนมากเกินไป ก็ขาดทุน เพราะตอนลูกค้าน้อย ก็ไม่มีงานให้ทำ เราต้องจัดให้พอดี 
    พนักงานFRONT ก็ขาดไม่ได้ รับคนน้อยเกินไป พนักงานจะเหนื่อยล้า เพราะควงกะ ทำงานไม่มีวันหยุด ขาดกำลังใจในการทำงาน
ฝ่ายซ่อมบำรุงก็สำคัญ ถ้าหาก มีสิ่งของอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชำรุด เสียหาย บางอย่างต้องซ่อมทันที ต้องคอยดูแล กันตลอด น้ำไม่ไหล ไฟดับ น้ำรั่วน้ำซึม ก๊อกหลวม ฝารองนั่งเลื่อน โต๊ะพัง เก้าอี้หัก ขาเตียงหลุด  ปัญหาเหล่านี้ มีอยู่ทุกวัน 
ควรจะได้รับการแก้ไขให้เร็วที่สุด 
ดังนั้น อย่ามองข้ามการจัดกำลังคน ให้พอดีกับหน้างาน และเงินทุนในกระเป๋า 
 ที่จริงงานโรงแรมสมัยนี้ ไม่จำเป็น ต้องรับคนที่มีประสบการณ์มาก่อนก็ได้ ลองเปิดใจ รับพนักงานที่มี mindset ที่ดี พร้อมจะลองผิดลองถูก กับเรา เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ไปด้วยกัน เพราะลูกค้าสมัยนี้ เขาก็ช่วยเหลือตัวเองมาแล้วส่วนหนึ่ง 
มีบางอย่างที่เล็กน้อยที่เขาอาจจะ ต้องการความช่วยเหลือจากพนักงาน 
ดังนั้นพนักงานโรงแรม ที่มีความตั้งใจให้บริการ จะมีความสำคัญมากกว่า 
พนักงานที่เก๋าประสบการณ์ แต่ไม่มีใจในการให้บริการลูกค้า

@อบรมแม่บ้านโรงแรม
 เกี่ยวกับปัญหาการพัฒนาแม่บ้านโรงแรม 
จากการทำที่ปรึกษา แต่ละที่ มาแชร์ประสบการณ์ ให้ฟังนะคะ 
อาจจะผิดบ้างถูกบ้าง เพราะทุกอย่างเกิดจากประสบการณ์ การได้ทำจริง 
อาจจะไม่เหมือนที่อื่น แต่ครูก็ได้ใช้ทักษะนี้ ช่วยพัฒนาแม่บ้าน แล้วเขาดีขึ้น รีสอร์ท ขายห้องพักได้มากขึ้น ลูกค้าชื่นชม พอใจ 
ก็ถือเป็นผลลัพท์ ที่พอใช้งานได้ค่ะ