วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

อบรมแม่บ้านที่บริษัทรักลูก กรุ๊ป.

                                            อบรมแม่บ้านที่บริษัทรักลูก กรุ๊ป. 
          มีโอกาสไปสอน ที่ บ.รักลูกกรุ๊ป แต่ไม่ได้มีโอกาสได้คุยกับท่านผู้บริหาร และก็ได้ไปสัมผัส กับสิ่งที่ ท่านสร้าง บ.รักลูก ขึ้นมา เริ่มเข้าใจแนวคิด ดีๆ ที่ มอบให้กับพนักงาน และคนรุ่นหลัง เห็นแต่ละคอนเซป แต่ละส่วนของสำนักงาน การเอาจริงเอาจังกับการรักษาสิ่งแวดล้อม แล้ว เห็นการปลูกฝัง ความคิดและทัศนะคติ ที่ดีให้กับพนักงาน ช่างนับถือน้ำใจท่านจริงๆ เข้าไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็รับรู้ถึงความใส่ใจ จากท่าน แล้ว น่าอิจฉาพนักงานที่รักลูกกรุ๊ป ที่ได้ทำงานกับสภาพแวดล้อมในการทำงานดีๆ
   ความพยายาม ปลูกฝัง ความปราณีตในการทำงาน โดยให้เริ่มจากฝึกจิตใจที่สะอาดและปราณีต หากคนเรานั้น มีจิตใจที่งดงาม สะอาด และปราณีตแล้ว หากเห็นสิ่งใดที่ ไม่เป็นอย่างที่จิตใจ ของตัวเอง จะพยายามทำ สิ่งนั้น ให้ สะอาดเรียบร้อย ดั่งจิตใจ 


หากผู้ใดมีจิตที่หยาบกระด้าง ไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้ว จะทำอะไร ก็ไม่ละเอียด ขาดความรอบคอบ ไม่เรียบร้อย หงุดหงิด โมโห ไม่พอใจในสิ่งที่ทำ มีแต่ความทุกข์ ที่จะทำงาน ทำให้ผลงานที่แสดงออกมาได้ไม่ดี เท่าที่ควร
งานของแม่บ้าน มองเห็นผลได้ไม่ยากจากใจ ความตั้งใจ กับไม่ตั้งใจนั้น ผิดกัน แต่ทั้งนั้นต้องดูความรู้ หรือไม่รู้ของแม่บ้านด้วย บางครั้งก็ตั้งใจ แต่ไม่รู้ ก็ทำให้งานที่ออกมาไม่ได้อย่างใจ อยากทำให้ดี กว่านี้ แทบตาย แต่ก็ทำไม่ได้ ดังนั้น จะต้องมีการชี้แนะแนวทาง นำทางให้เห็น สอน และอบรมให้เข้าใจ
อย่าสั่งงานด้วยความไม่เข้าใจ คนที่ทำด้วยแรง เหนื่อย ...^^



                                      







สอนวันแรก ก็เจอโซฟาหนังสีขาวชุดเก่า มอมแมมน่าสงสาร เลยให้แม่บ้านจัดการ ได้อย่างใจ ขาวใหม่ได้โล่ โอโม่เรียกพี่ ^^















สอนการจัดจานผลไม้ ให้แม่บ้าน หลังจากเหนื่อยจากการล้างห้องนำ้ แต่ดูเหมือนสภาพออกทางจัดเข้าปากมากกว่าจัดลงจาน






 เสร็จแล้วจ้า. อบรมแม่บ้านที่บริษัทรักลูกกรุ๊ป ขอบคุณสำหรับของที่ระรึก ที่มีคุณค่ามาก. ขอบคุณ รักลูกกรุ๊ปที่ให้โอกาสได้ไปสอนแม่บ้าน ขอบคุณแม่บ้านทุกท่านแม้ว่าจะเหนื่อยจนเหงื่อท่วมแต่ก็ยังสู้ ที่จะเรียนรู้.

     





  
          

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

คิดจะข้ามฝั่งฝัน ขณะที่เจอวิกฤติชีวิต

คิดจะข้ามฝั่งฝัน ขณะที่เจอวิกฤติชีวิต



               มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นจุดวิกฤติ ของชีวิตครู  ระหว่างที่พยายาม จะออกจากการทำงานประจำ เพื่อมาทำงานที่ รักและอยากทำ เรียกว่าออกมาตามหาความฝัน ทำในสิ่งที่คิดอยากจะทำ ทำในสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะทำ
        ในตอนที่ออกจากงาน แทบไม่มีเงินอยู่เลย มีชีวิตอยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไร เลย และไม่คิดที่จะกลับไป ขอความช่วยเหลือจากใคร ปล่อยให้ตัวเอง ลอยไปเรื่อยๆ 
            เหมือนคนที่อยู่บนฝั่ง ก็เป็นเหมือนที่ทำงานประจำก็สบายดีมีความมั่นคงเฉพาะตอนที่เรายังหนุ่มแน่ในตอนนี้   แต่ครูมองข้ามไปเห็นเกาะ อีกเกาะหนึ่ง  ซึ่งไม่อาจรู้ว่า เกาะนั้น จะดีหรือร้าย รู้สึกแต่ว่า อยากจะไปที่เกาะนั้น   แล้วก็ กระโดดลงทะเล และพยายามว่ายน้ำและเผอิญ ว่ายไปแล้วเหนื่อย ท้อ หมดหวัง และยังไม่ถึงฝั่งที่อยากจะไป.....และหันมา มองไปยังฝั่งที่เคยอยู่ก็ง่ายนิดเดียว ที่จะว่ายกลับไป  ถ้ากลับไปก็คง ไม่ตาย และคงสบายเหมือนเดิม
      แต่ด้วยความตั้งใจ ที่จะไปให้ได้.. ก็ต้อง ว่ายต่อไป เมื่อไปแล้ว หมดแรงว่าย ก็เหมือนกับที่ เจอจุดวิกฤติ ไม่มี งาน ไม่มีเงิน เหมือนกับคนจะจมน้ำตาย และก็ปล่อยให้มันตาย ไป จะขอความช่วยเหลือยจากคนอื่น ก็เหมือนกับเรา ต้องกลับไปฝั่งเดิม ที่เคยมา แล้ว จะว่ายน้ำให้เหนื่อยทำไม 
        จากที่ปล่อยให้ตัวเอง ตาย ก็เหมือนกับคนจม น้ำ ที่พยายามตะเกียกตะกาย เพื่อให้ตัวเองได้หายใจ เพื่อให้มีชีวิตรอดให้ได้ ครูเป็นแบบนั้น พยายามให้ตัวเอง ไม่จมน้ำ ตะเกียกตะกาย หายใจให้ได้ และไปต่อ จนกระทั่ง ถึงฝั่งฝันที่ตัวเองอยากจะทำ
                    ครูเคยถามคนที่อยู่รอบข้าง และถามคนที่เป็นกำลังใจให้ตลอดให้ครูข้ามฝั่งฝันให้ได้      ถ้าเป็นพ่อแม่ หรือพี่น้อง ที่รักเรา เขาจะเอามือเข้ามาช่วยดึงให้เราพ้นน้ำ และพากลับฝั่งเดิม ....แต่ครูกลับพบคนที่พยายามผลักดันให้ครู ขึ้นไปอีกฝั่ง เขาเป็นคนที่เฝ้ามอง ครูว่ายน้ำ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย และใกล้จะจมน้ำตาย เขาก็มอง ด้วยความเป็นห่วงและให้กำลังใจ แต่ไม่ยื่นมือมาช่วย คอยแต่บอกให้ว่ายน้ำไป สู้ต่อ หายใจให้ได้ แต่ไม่ยื่นมือมาดึงขึ้น ไม่แม้แต่จะช่วย  ..........
เมื่อครูสามารถ ข้ามวิกฤติ และว่ายน้ำไปถึงฝั่งและสามารถเดินด้วยตัวเองได้ และย้อนกลับไปถาม เขา คนที่ได้แต่มองเราจมน้ำตาย ว่าทำไมไม่ช่วย..
                 ครูได้คำตอบ หนึ่งกลับมา เขาบอกว่า ตอนที่เราจะจมน้ำตาย มันก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ที่เราเป็น เมื่อก่อนเรายัง ไม่มีประสบการณ์ ยังว่ายน้ำไม่เก่ง เขาจะคอย ประคอง และช่วย แต่ตอนนี้เขามองเราแล้ว ว่าสามารถเอาชีวิตรอดได้ และจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างเด็ดขาด เมื่อช่วย ครูก็จะกลับไปฝั่งเดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม มองไม่เห็นความสามารถของตัวเอง มองไม่เห็นศักยภาพของตัวเอง  และไม่พยายามที่จะดิ้นรน ค้นหาความฝันของตัวเอง ไม่พยามหาฝั่งฝัน และว่ายน้ำต่อ และจะคอยให้เขาช่วยเหลือ คอยให้คนอื่นช่วยเหลืออยู่ตลอด 
                      เมื่อเป็นอย่างนั้นครูก็จะทำงาน และใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เป็นคนที่ไม่มีค่า จำใจทำในสิ่งที่ตัวเอง ไม่รัก และใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข ทุกๆ วัน มีความสุข เมื่อหยุดงาน หรือวันหยุด แต่ไม่มีความสุข เมื่อได้ทำงาน มีชีวิตเหลืออีกไม่เท่าใหร่ แต่ใช้ชีวิตให้มีความสุขน้อยเหลือเกิน เมื่อทำงาน ที่ไม่รัก งานที่ออกมา ก็ไม่สวยงาม ไม่มีค่า ไม่มีราคา  ไม่มีคุณภาพ ... แต่เมื่อเราทำในสิ่งที่รัก ทำด้วยความตั้งใจเกินร้อย ใส่ความรู้สึกที่ดีลงไป ใส่ความรักลงไป ใส่ใจ ลงไป ก็เหมือนคนทำอาหารที่ใส่ความรักความใส่ใจลงไปในอาหาร รสชาติของอาหาร ก็จะอร่อย และทำให้คนทานมีสุขภาพดี
     ที่ครูเขียนขึ้นมานี้ พอดีได้ไปสอนในที่ที่เขาได้พบกับวิกฤติน้ำท่วม และได้พบเจอกับคนที่ประสบภัย หลายคนต่างอาชีพ ต่างงาน หวังว่าเรื่องราวของครู จะช่วยเป็นกำลังใจให้ค่ะ


ครูออย

เรื่องของพนักงานแม่บ้านในโรงแรมขนาดเล็ก

เรื่องของพนักงานแม่บ้านในโรงแรมขนาดเล็ก


โดยส่วนมากจะพบว่าธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก โฮมสเตย์ รีสอร์ทขนาดเล็ก แม่บ้านที่ทำงานอยู่ขาดความรู้ความชำนาญในงานเพราะแม่บ้านที่ทำงานในโรงแรมขนาดเล็กส่วนใหญ่ เป็นคนพื้นถิ่นไม่มีประสบการณ์งานโรงแรมมา เป็นชาวบ้านธรรมดา มาสมัครงานเป็นแม่บ้าน ซึ่งก็มีความรู้แค่ปัดกวาดเช็ดถูบ้านแบบทั่วไป พอมาทำงานในโรงแรม ซึ่งมีความคาดหวังจากลูกค้าสูงในเรื่องความสะอาด ประกอบกับเจ้าของโรงแรมอยากได้ห้องที่สะอาดเหมือนกับ โรงแรมอื่นๆ ที่เคยไปสัมผัสมา และก็มาควบคุมการทำงานแม่บ้าน หรือบอกไปว่าต้องทำให้ได้สะอาด อย่างนั้น อย่างนี้ คนที่ควบคุมดูแลแม่บ้านบางทีก็ไม่ได้มีประสบการณ์การทำงานแม่บ้านมาก่อน ก็ไม่รู้หรอกว่างานแม่บ้าน เหนื่อยแค่ไหน ยากแค่ไหน ก็ได้แต่สั่งอย่างเดียวว่าต้องสะอาด แบบที่โรงแรมใหญ่ หรือโรงแรมอื่นเค้าทำกัน โดยไม่ได้เข้าใจว่า จริงๆ แล้วความสะอาด สวยงาม ในโรงแรมบางที่ที่เขาเรียกว่า โรงแรม ห้าดาว หรือเจ็ดดาว มันมีองค์ประกอบหลาย ๆอย่างรวมกัน มันถึงดูดี
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังยืน
 แม่บ้านในโรงแรมบางแห่งต้องทำงานอย่างเหนื่อยยาก เพราะขาดความรู้และเทคนิคการทำงาน ทำทุกอย่างต้องใช้แรง หมด ใช้เครื่องทุ่นแรงไม่เป็น ผิดวิธีบ้าง ทำงานแบบเดิมมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา และสุดท้ายก็ต้องลาออก เพราะไม่มีแรงทำงาน
 สภาพการเรียนรู้งานของแม่บ้านโรงแรม ส่วนมากจะทำตามคำสั่งหัวหน้าแม่บ้าน หรือพนักงานระดับสูง ถ้าหากโชคดี ได้หัวหน้าแม่บ้านที่มีความรู้ มีประสบการณ์การทำงานที่ถูกต้อง รู้จักขวันขวายหาความรู้ใหม่ๆ มาสอนพนักงาน และได้ทำงานศึกษางานแม่บ้าน มาหลาย ๆที่ มีความคิดสร้างสรรค์ ในโรงแรมนั้นถ้าได้หัวหน้าแม่บ้านแบบนี้มาได้ นับว่าอนาคตดี เห็น ๆ  (หัวหน้าแม่บ้านลักษณะนี้ มีหน้าที่อบรมพนักงานด้วยตัวเองทุกคนที่เข้ามาใหม่ โดยไม่ให้ผิดเพี้ยน ไปจากนโยบายของตน ป้องกันการสอนงานของแม่บ้านในกลุ่มเพื่อกันข้อผิดพลาดในการทำงานและการบริหารงาน)
แต่ ถ้าโชคร้าย ได้แม่บ้าน ทีทำงานแม่บ้าน ในโรงแรมเดิมมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่เคยไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ก็ได้แต่สั่งงาน โดยที่สอนงานไม่เป็น ไม่มีความรู้เรื่องสารเคมีที่มาใช้ในงานแม่บ้าน และให้รุ่นพี่สอนรุ่นน้องต่อๆ กันไป โดยที่ไม่ได้สนใจว่าผิด หรือถูก ขอให้พนักงานทำความสะอาดได้เป็นพอ หรือขอให้มีคนทำงาน ก็เป็นพอ ไม่คำนึงถึงคุณภาพผลงานที่ออกมา ถ้าโดนตำหนิ ก็จะโยนความผิด หรือจะตำหนิลูกน้องต่อ ๆกันไป โดยไม่ได้แก้ไขข้อผิดพลาด คือ ถ้าโดนด่ามา ก็ด่าต่อๆกันไป
 แม่บ้านในโรงแรมต้องมีการฝึกอบรมอย่างเข้มงวด ให้มีความรู้ความเข้าใจ ในการทำงาน ก่อนที่จะปล่อยให้ทำงานเอง ได้เพราะความผิดพลาด ของแม่บ้าน บางทีก็ไปทำลายความรู้สึกของลูกค้าอย่างคาดไม่ถึงเหมือนกัน
 การอบรมแม่บ้านจะสอนให้แม่บ้านที่ทำงานในโรงแรมให้รู้จักมาตรฐานห้องที่สะอาด ให้ความรู้ในเรื่องวิธีการทำความสะอาดสำหรับวัสดุตกแต่งประเภทต่าง ๆและข้อจำกัดในการทำความสะอาดสำหรับวัสดุแต่ละประเภท เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุตกแต่งต่าง ๆ สูญเสียไปก่อนเวลาอันควร การใช้เครื่องมือในการทำความสะอาดที่ถูกต้อง

 บางทีก็พบว่าเจ้าของกิจการขายห้องพักเล็ก ที่อยากเปิดห้องรายวัน หรือ เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กมีพื้นที่ทำเลดี และอยากทำเอง เมื่อทำขึ้นมาและ ก็ประสบปัญหากับการทำงานของพนักงาน ทั้งแม่บ้าน และพนักงานต้อนรับ แต่โดยส่วนใหญ่จะพบ ว่าเป็นปัญหากับแม่บ้านมากกว่า เพราะว่าการเริ่มต้น ตั้งแต่การจัดเตรียมห้องที่ผิดพลาด ก็จะส่งผลให้การทำงานของแม่บ้านล่าช้า หรือมีปัญหาที่ต้องตามแก้ และต้องเสียเงินและเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีก 
ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน และ สถานที่ในร่ม
by ครูออย
สนใจคอร์สอบรม ติดต่อได้ที่ 0923581771 ครูออย 
Facebook : chantaluck Trainer Sudsom
Line ID : Housekeepingtrain 

jchantaluck@hotmail.com 
jhantaluck@gmail.com 

คติทางบวกกับการใช้ชีวิตในการทำงาน

คติทางบวกกับการใช้ชีวิตในการทำงาน


เมื่อเราทำงานโดยการคิดถึงแต่เงิน เมื่อไหร่จะได้เงิน เมื่อไหร่เงินจะเพิ่มขึ้น วิ่งตามจับแต่เงิน ... เงิน ก็เหมือนเงานั่นแหละ เมื่อเราวิ่งตามมันเหมือนคนเห็นแก่เงิน มันก็จะวิ่งหนีเราไปเรื่อยๆ ให้เราตามจับมันแต่ก็จับไม่ได้สักที ลองหันหลังให้มันสิ.. และมองไปข้างหน้าที่เป็นจุดมุ่งหมายของเราโดยที่ไม่มองมัน ..แล้วมันจะเหมือนเงา วิ่งตามเราเอง... และเราจะแปลกใจเมื่อเงินมันเริ่มวิ่งตามหลังเรา

จุดมุ่งหมายของคนที่ไม่เห็นแก่เงิน คือมองไปที่ ผลงาน.. ผลงานที่ออกมาด้วยความปรารถนาดีที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขกับการทำงาน มีชีวิตที่ดีขึ้น ให้โดยไม่ตะขิดตะขวางใจ ให้ด้วยความปรารถนาดี และหวังว่าการให้ของเราจะทำให้เขาดีขึ้น และเราจะดีขึ้นตาม..แล้วความศรัทธา ของคนเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับเรา บารมีจะเกิดขึ้นกะเราโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อ หรือใช้อานาจบังคับ...


ทำใจเราให้เป็นสุข ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้ใจเป็นทุกข์
ใบหน้าของคนมีความสุขมันจะแสดงออกมาจนคนรอบข้างมองเห็นอย่างชัดเจน ใครอยู่ใกล้คนมีความสุขก็พลอยมีความสุขไปด้วย

     by ครูออย

ผลเสียของการเร่งให้แม่บ้านทำห้อง

ผลเสียของการเร่งให้แม่บ้านทำห้อง


โดยปกติ เวลาที่เราเข้าไปพักในโรงแรมเมื่อไปถึงก็อยากจะเข้าห้องพักทันทีเพราะเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เมื่อไปถึงที่พนักงานต้อนรับ เรากลับได้คำตอบ ว่าห้องยังไม่สะอาด ก็จะทำให้เราหงุดหงิดหัวเสียทันที จากนั้นก็จะไปกดดันให้พนักงานต้อนรับ หาห้องให้เราให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น พนักงานต้อนรับก็จะรีบกดดันแม่บ้านให้ทำห้องให้เสร็จเร็ว ๆ
ในภาพอาจจะมี ห้องนอน และ สถานที่ในร่ม
  โรงแรมขนาดเล็ก หรือ หรือที่เป็นประเภทบูทีคโฮเทล สมัยนี้ส่วนมากจะให้ลูกค้า Check in เวลาประมาณ 14.00 น. และCheck out 12.00 น. เพื่อให้แม่บ้านมีเวลาทำห้องพักมากขึ้น แขกที่เข้าไปพักบางคนอาจเคยชินกับการ Check in  เวลา 12.00 น.   ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ห้อง แล้วก็จะไปลงที่ พนักงานต้อนรับ ลูกค้าที่โรงแรมนี่ก็แปลก นะคะเวลา Check in ก็อยากได้ห้องเร็ว ๆ เวลา Check out ก็อยาก late Check out  มันก็ทำให้พนักงานต้อนรับ ก็ต้องรองรับอารมณ์ ของลูกค้า
      ดังนั้นเราก็ต้องเข้าใจ นิดหนึง ว่ามันก็มีห้องพักที่เค้า ออกไปตรงเวลา คิดดูว่าแม่บ้านไม่กี่นาที ที่จะทำห้อง  โดยทั่วไป แม่บ้าน จะทำห้อง กัน 14 ห้องต่อวัน โดยประมาณ บางโรงแรมแม่บ้าน 1 คน ก็จะทำ 20 ห้องต่อวัน แล้วแต่ขนาดห้อง และมาตรฐานความสะอาด  แต่แน่นอนทุกคนก็อยากได้ห้องที่สะอาดที่สุด ดังนั้นเวลาการทำห้องของแม่บ้าน เราก็ต้องบริหารให้ดี  ห้อง Check out แม่บ้านจะใช้เวลาทำห้องประมาณ 30-45 นาที แล้วแต่ความสกปรก และ ชนิดของห้อง อย่างห้องVIP ก็จะมีของใช้ในห้องเยอะหน่อย ต้องเติมนู่นนี่ นั่น ประดิษฐ์ ประดอย จัดระเบียบ ห้ามเกินห้ามขาด ของในห้องอย่างเด็ดขาด  ห้ามลืม นี่เป็นกฏของการทำห้อง VIP ถ้าลืมผ้าขี้ริ้วไว้ในห้อง VIP คอขาด.... 

 อย่างที่ครูเคย เจอลูกค้า ส่วนมากลูกค้าที่มาพัก ห้อง VIP ห้องจะเรียบร้อยมาก แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ลูกค้าเขาจะดูแลห้องเราเป็นอย่างดี บางทีก็เจอ แบบ พับผ้าปูให้เรียบร้อย ก็เจอบ้าง ที่ทำห้องรก และสกปรก แต่น้อยมาก แต่ที่สกปรกกลับเป็นห้องที่เราขายห้องราคาถูก แหม้ ... ยำห้องเราซะเละเลย ..
ในภาพอาจจะมี สถานที่ในร่ม
   ..พูดถึงเรื่องลูกค้า ก็มีอะไรจะนินทา เยอะเลย มันเป็นเรื่อง มันๆ ของแม่บ้านที่จะนินทาลูกค้า  อย่างเรื่องผ้าเช็ดเท้า ที่เราเห็นทั่วๆ ไป แม่บ้านจะวางไว้บนชักโครก เคยมีลูกค้าถือผ้าลงมาด่าพนักงานที่หน้าFront ว่า ทำไมผ้าเช็ดหน้าของโรงแรมเธอเป็นอย่างนี้  แข็ง มาก ฉันใช้ไม่ได้ ... เอ่อ.. ประทานโทษ พนักงานก็บอกว่า มันเป็นผ้าเช็ดเท้าค่ะ และลูกค้าก็เถียงอีก อ้าว.. แล้วทำไมไม่บอก ก็เห็นว่ามันติดว่า Welcome ฉันก็คิดว่ามันเป็นผ้าเช็ดหน้านะสิ คราวหลัง ..ก็เขียนติดว่าเป็นผ้าเช็ดเท้าสิ .. เนี่ยะ หน้าฉันจะพังหรือปล่าวก็ไม่รู้ ....  พนักงาน ก็ ผิด.. ตลอด ..  อ่ะ ทีนี้เรามาคุยเรื่องการเร่งการทำห้องของแม่บ้านดู อย่างที่รู้กันอยู่ ว่าแม่บ้านจะใช้เวลาทำห้อง ถึง 30 นาทีต่อห้องCheck out  1 ห้อง ต่อแม่บ้าน 1 คน เมื่อแขกที่เข้าไปพัก เกิดอาการหงุดหงิดอยากได้ห้อง เร็ว ๆ ผลเสียจะตกอยู่ที่ลูกค้า เพราะว่า เมื่อเกิดการกดดันหรือเร่งทำห้องมากๆ แม่บ้านก็เกิดอาการ รวน เข้าไปด้วย ห้องอาจจะไม่สะอาด ใส่ของผิด ๆถูกๆ โดยเฉพาะแม่บ้านมือใหม่ ซึ่งยังไม่คุ้นเคยกับการถูกกดดัน คุณอาจจะไม่ได้ห้องที่สมบูรณ์
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ห้องนอน และ สถานที่ในร่ม
ข้อสำคัญ ห้องที่ลูกค้า พึ่ง Check out  ออกไป จะมี เชื้อโรค อย่างอากาศที่อยู่ในห้อง กลิ่นบุหรี่ กลิ่นตัว ฝุ่น ละออง ความสกปรกทุกอย่าง มันยังไม่ไปไหนเลย เวลาแม่บ้านทำห้อง check out ครูจะคอยเตือนให้แม่บ้าน ปิดแอร์ เปิดหน้าต่าง ทำห้อง เพื่อไม่ให้แม่บ้านรับเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศเข้าไป บางคนไม่เข้าใจ ว่าเวลาทำห้อง ทำไมต้องปิดแอร์ ด้วย มันร้อน ทำงานไม่ได้ แต่อย่างที่บอก ถ้าอยากรับเชื้อโรคที่มันลอยอยู่ ก็ตามใจ.. เพราะลูกค้าที่เข้ามาพัก มาจากหลายๆ ที่อาจเป็นมีโรคร้ายมา โดยที่เราไม่รู้   ทีนี้ หลายโรงแรมอาจใช้สเปร์ ฆ่าเชื้อในอากาศ บางโรงแรมใช้ บางโรงแรมไม่ใช้ บางโรงแรมแม่บ้านไม่ได้เปิดหน้าต่างทำห้อง เราจะรู้ใหม่ .. อาจไม่รู้ เมื่อลูกค้าออกไป แม่บ้านทำห้อง ใช้เวลานิดเดียว เชื้อโรคยังไม่ไปไหนเลย  เราก็เข้าไปนอนอย่างสบาย ใจ แต่ ผลเสียตกอยู่ที่เรา  ดังนั้น เมื่อเข้าไปโรงแรม ลองเลือกโรงแรมที่ ไม่ วุ่นวายมาก ห้องพักได้มีการปล่อยให้ว่าง บ้าง  ก็อาจเป็นผลดีกับเราก็ได้  อย่าไปกดดันพนักงานมากนัก ฝากของไว้ แล้วก็ไป ลัลล้า.. แถวชายหาด หรือไปหาอะไรกิน ดีกว่า ใหม...
ครูออย

คนบ้างาน กับคนที่งานเป็นพิษ

คนบ้างาน กับคนที่งานเป็นพิษ


คนที่ทำงานด้วยความรักในงานของเขา จะมีความสุขมากเมื่อได้ทำงาน ทำงานอย่างมีความสุข แม้จะป่วย เขาก็รู้สึกว่า เป็นอาการป่วยเพียงเล็กน้อย เมื่อทำงานเขาก็ลืมมัน และเขาจะหลงรักงาน หลงไหลมันถึงขนาด คนอื่นเรียกว่าบ้า..งาน เมื่อเขาได้งานนั้น .. จะตั้งใจทำอย่างสุดกำลังและความสามารถ และผลงานที่ทำจะมีผลิตผลออกมาอย่างงดงาม และทุก ๆ วันเขาจะรอคอยที่จะทำงานที่เขารักทุกวัน ... เมื่อได้มันมา เขาจะมีความกระตือรือร้น กับงาน รักมัน มีความสุขที่ได้ทำมัน ดีใจที่ได้เจอ มัน ..... คุณหล่ะ ... ตอนนี้ งานเป็นพิษ แล้วหรือยัง
คนที่งานเป็นพิษ ทุกๆ วันเขาจะ ไม่อยากไปทำงาน ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกปวดหัว ตัวร้อน ไม่สบาย แต่ก็ต้องฝืนไปทำงาน การไปทำงานของเขาจะเหมือนยาขม ทำงานเหมือนกับเจอคู่รัก ที่เบื่อชีวิตคู่เต็มทน .. อยากเลิก แต่ก็เลิกกันไม่ได้ วันไหนเป็นวันหยุด จะรู้สึกว่า เป็นวันที่มีความสุขที่สุด
แล้วคุณมีวันหยุดกี่วัน ในรอบปี และคุณมีวันทำงานกี่วันในรอบปี คุณจะเลือกเอาวันที่มีความสุข มากที่สุด หรือ คุณจะเลือกวันที่มีความทุกข์ มากที่สุด ในรอบปี ....
ผลงาน ที่ออกมาจากคนที่ รักงาน กับคนที่เกลียด งาน คุณคิดว่า ผลงานของใครจะดีกว่ากัน ...

ประสบการณ์ลองของ ...... แม่บ้านอาวุโสในโรงแรม

หลายคนที่เข้าไปทำงานในโรงแรม หรือ ในสำนักงานหลาย ๆที่ ก็จะเจอ เจ้าถิ่น  งานแม่บ้านก็เหมือนกัน ถ้าเรามองว่างานแม่บ้านเป็นงานง่าย ๆ ใคร ๆก็ทำได้ (อาจจะคิดผิดนะค้า...)  กับงานแม่บ้านโรงแรม เป็นงานที่เรียกได้ว่า มหาโหดค้า..กับการควบคุมคุณภาพการทำความสะอาดห้องพักให้ได้มาตรฐานตลอด ไม่ว่าจะมีแขกพักมากหรือน้อย ต้องทำห้องพักให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่ทำตาม อารมณ์แม่บ้าน วันนี้ลูกค้ามาก เหนื่อย สะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง   แม่บ้านโรงแรมบางที่ อยู่มานานจนเป็นเจ้าที่ บางคน ดื้อ..มาก ไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น หรือไม่ยอมรับการทำงานแบบสมัยใหม่  แถมยังหวงความรู้ ไม่ยอมถ่ายทอดให้ลูกน้อง  หรือถ้าเป็นคนดีหน่อย ก็ถ่ายทอดความรู้ไม่เป็น ทำเป็นอย่างเดียว  และไม่อยากให้เด็กใหม่ ซึ่งมีแรง มีความรู้ (แม่บ้านโรงแรมบางที่รับ ม.6 – ปริญาตรี) กลัวว่าเด็กจะได้ดีกว่า คนที่คิดแบบนี้ก็ให้เขาเหนื่อยต่อไป หึ ..หึ           ที่ไหนๆก็จะมีแม่บ้านที่มีแต่จะเรียกร้อง จะเอาแบบ เครื่องมืออะไรก็ได้ แพงๆๆ นะคะ ,เอาแบบ ให้แม่บ้านสะบายขึ้น นะคะ จะได้ทำงานได้เร็วขึ้น ,
     เอาน้ำยาที่มันแรงๆ มันจะได้ออกง่าย ๆจะได้ทำห้องได้เร็วขึ้น ก็คราบมันสกปรก น้ำยาธรรมดามันไม่ออกหรอกค่ะมันต้องยี่ห้อนี้..... ถึงจะออก ทีนี้ผู้จัดการ( ไม่เคยทำงานแม่บ้าน บริหารงานอย่างเดียว ก็เค้าไม่ชำนาญเรื่องงานแม่บ้านนี่นา.. ไม่เคยทำงานแม่บ้านนะ เป็นผู้จัดการ  ก็ต้องเชื่อผู้ชำนาญงานแม่บ้าน)  จัดไป...ก็จัดให้ฝ่ายจัดซื้อไปซื้อมา ปรากฏว่าคราบไม่ออก  แถมน้ำยาตัวนั้นมันไปทำลาย เฟอร์นิเจอร์อีก  เฮ้อโทษใครดีว้า.. จะไล่มันออก ...ก็หาคนมาทำแทนไม่ได้ มันก็อยู่มานานแล้ว .. เลย เงียบๆ มึนๆๆ ไป ไม่มีใครรู้ .. แต่ช้าก่อนใครเสียหาย .. เจ้าของโรงแรม พี่น้อง เสียสามต่อ..
1. คราบไม่ออก 2. เฟอร์นิเจอร์เสีย 3. เสียตังค์ซื้อน้ำยา เอามาทำไม..

     และก็จะมีบ่นก็คุณผู้จัดการนะคะ ขอให้ซื้อตัวนี้ไปตั้งนานแล้ว ถ้าเครื่องนี้มานะคะ ห้องมันก็สะอาดกว่านี้ แน่ค่ะ , เนี่ยะโรงแรมอื่นนะเขาใช้อันนี้ แพงหน่อย แม่บ้านเค้าสบาย เห็นใหมคะ ,ก็ของคุณไม่มีเหมือนเขา ก็ได้แค่นี้หล่ะค่ะ   (ถ้าคิดแบบนี้นะคะ  ซื้อเครื่องจักรมา แล้วเอาคนแบบนี้ออกไปให้เครื่องมันทำงานแทนดีกว่าใหมคะ มันไม่เรื่องมากดี แค่คิดนะคะ )
..  ครูออย เคยเจอแม่บ้าน คนหนึ่ง เป็นหัวหน้าแม่บ้าน คอตั้งๆ เชิด ๆ มองตรงๆ อย่างเดียว ด้วยมาดนางพญา (อันนี้เด็กๆ แม่บ้านบอก)   มองเพดานไม่เป็น มองพื้น ไม่เป็น งานมันเลยออกมาแบบ ไม่ดี (ขอใช้คำว่าห่วย... อาจจะแรงไปนิด แต่ขออนุญาต นะคะ )ซึ่ง หัวหน้าแม่บ้านสายตาต้องกว้าง ทุกซอกทุกมุมต้องมองเห็น คือ เขาเป็นแต่สั่ง อย่างเดียว  คือเขาจ้างมาสั่งค่ะ เลยสั่ง อย่างเดียว แบ่งงานวุ่นวายไปหมด แบ่งเอาตามใจฉัน โดนข้างบนจี้เรื่องอะไรก็เกณฑ์ คนมาทำตามนั้น โดยที่งานอื่นไม่ได้ทำ ครูถามถึงใบสั่งงาน บอกว่าไม่มี ถามถึงเอกสารการวางแผนงาน ก็ไม่มี อ้าว.. แล้วทำงานกันยังไงเนี่ยะ ... อัจฉริยะจริง ๆ สั่งงานกันได้หนุกหนาน แม่บ้านที่เป็นลูกน้องก็วิ่งขึ้นวิ่งลง ทำงานกันเหนื่อยหล่ะค่ะ  แค่เดินขึ้นลง ไปนู่น นี่ นั่น ก็หมดไปละวันหนึง ยังไม่ทันได้ทำความสะอาดเลย ตอนครูไปสอน ช่วงแรก .... เจอลองของซะ .. ถามนู่นนี่นั่น ...... เยอะแยะไปหมด  แต่ครูก็บอกว่า.. ช้าก่อน... ที่ถามมา  เดี๋ยวจัดให้  ครูไม่ตอบคำถามแต่ทำให้ดู ว่าที่ถามมามันเป็นแบบนี้อธิบายให้ฟัง พร้อมกับแก้ปัญหาให้เห็นกันจะ ..จะ .ว่ามันทำได้ .. พอถึงวันสุดท้ายที่สอน ยกมือใหว้ ..ขอบคุณครูด้วยความเต็มใจ  ไม่ใช่ว่าครูเก่งกาจ อะไร คนเราพอลด อีโก้ลง มันก็จะมองเห็นการแก้ปัญหา ได้ไม่ยากใช่ใหมค่ะ  เพียงแค่เราเปิดรับสิ่งใหม่ เปิดรับความรู้ใหม่ๆ เข้าไป ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำอย่างเดียว แล้วบอกว่าดีแล้ว  ที่จริงมันแค่ดีสำหรับเรา แต่มันยังไม่ดีพอสำหรับคนอื่น งานแม่บ้านมันจะเป็นอย่างนี้ ทำเท่าไหร่ มันก็ยังดีไม่พอ ถ้าเราไม่ได้ทำ
แม่บ้านในโรงแรมน้อยคนที่จะเปิดตำราหาความรู้ใส่ตัว รอแต่จะให้คนอื่นสอน ถ้าไม่มีคนสอนก็จะทำงานแบบเดียว ซ้ำๆๆ กัน หรือพอมีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเป็นหัวหน้าก็จะไม่เชื่อถือ ไม่ยอมทำงานตาม เรียกว่าอาการ ดื้อแพ่ง พอหัวหน้างานคุมงานลูกน้องไม่ได้ก็จะปล่อยให้มันเป็นไปตามน้ำ ... ไม่อย่างนั้นก็จะทำงานไม่ได้ หรือไม่ได้รับความช่วยเหลือ

     คือถ้าเราสั่งงาน แม่บ้านอย่างเดียว ว่าให้คำความสะอาด นะ ถามว่า แม่บ้านที่เรียนมาน้อยจะเข้าใจใหม ว่า สะอาดคืออะไร พอเค้าทำเสร็จ แม่บ้านบอกเสร็จละ สะอาดละ พอ ผู้จัดการ เข้าไปดู บอกว่าไม่สะอาด แม่บ้านเกิดอาการ งง..งง... ก็ที่บ้านฉัน แบบนี้ มันเรียกว่า สะอ๊าด สะอาด .. เรารึจะเถียงเขาได้ เราก็จะบอก ว่าทำไมตรงนี้มันไม่สะอาด แม่บ้าน เอามือปาด..ปืด ถ้าเป็นฝุ่น ก็ จะบอกเราว่า ก็เมื่อกี้เช็ดแล้วนะ ฝุ่นมันเยอะก็แบบนี้แหละ (ที่จริงไม่ได้เช็ด ลืม..) ถ้าเป็นคราบสกปรก ก็บอกว่า ก็มันไม่ออก พร้อมกับเอาผ้าถู ๆให้ดู ไม่ออกเห็นใหมคะ  ผู้จัดการ ก็พยักหน้า หงึกๆ แล้วเดินไป (เหนื่อยที่จะเถียงกะมัน)  แม่บ้านก็แอบภูมิใจ วันนี้ชนะผู้จัดการ ฮ่าๆๆ  คนรับกรรม ก็จะเป็น ลูกค้า กับเจ้าของโรงแรม ..เป็นรายต่อไป    

เตียงเจ้าปัญหาในงานโรงแรม

 ตามสถิติ ที่ครูออย ได้ไปสอนงานแม่บ้านมาหลาย ๆ โรงแรม จะพบปัญหาเกี่ยวกับเตียง เรียกได้ว่าเกือบทุกโรงแรมที่เจอ ซึ่งเป็นปัญหากับการทำงานแม่บ้าน มาก  ถ้าเราจะกำหนดเวลาการทำห้องของแม่บ้าน เป็นมาตรฐาน ว่าการทำห้อง ไม่เกิน 30 นาที เหมือนมาตรฐานโรงแรมอื่น หรือ เทียบเวลาการทำห้องแม่บ้าน ของตัวเองว่าทำงานช้ากว่า ปกติ บางทีเตียงนอน ก็เป็นสาเหตุ หนึ่งที่ทำให้แม่บ้านทำงาน ได้ช้าลง อาจเป็นเพราะการออกแบบเตียง และขนาดของห้อง ไม่ได้มาตรฐาน ช่องว่างระหว่าง ที่นอน น้อยไปทำให้แม่บ้านเข้าไปปูผ้ายากขึ้น ไม่สะดวกในการปู บางที่ ห้องแคบอยู่แล้ว ก็ยังอุตส่าห์ เอาโต๊ะข้างเตียงเอาไปวางซะเต็มพื้นที่ ซ้ำยังมีโคมไฟ วางไว้อีก แล้ว แม่บ้านจะปูผ้ายังไงละเนี่ยะ .... ถ้าเป็นเตียงที่ใช้ในโรงแรมทั่วไป ในสมัยก่อนจะเป็นล้อ ซึ่งสามารถขยับไปมาได้ แต่ สมัยนี้ นิยมทำเตียงแบบไม่มีล้อ และย้ายไม่ได้ แต่มันก็ไม่เป็นปัญหากับการปูเตียง ของแม่บ้าน ถ้าเราออกแบบ เตียงถูกต้อง และคิดถึงการทำงานของแม่บ้าน ว่าเขาต้อง ปูที่นอนอย่างไร  ไม่ใช่ว่าทำไปแล้ว  ทำให้แม่บ้านต้องมาเสียเวลากับการปล้ำ กับที่นอนเจ้าปัญหา แทนที่จะเร็ว กลับทำให้ สูญเสียเวลา และแรงคนเพิ่มขึ้น แทนที่ ห้อง แม่บ้านทำงานคนเดียวได้ กลับต้องเพิ่มคน เป็น คน เพราะพบกับเตียงเจ้าปัญหา เพราะฉะนั้น เมื่อคิดจะทำเตียง ก็คิดถึงความสะดวกในเรื่องนี้ด้วย แต่ ถ้าคิดว่าการเพิ่มกำลังคน และเวลาไม่เป็นปัญหา ก็ไม่เป็นไร ....  โดยส่วนมากที่พบ ก็จะเป็นเตียงที่มีลักษณะเป็นหลุม หรือยกขอบขึ้น เพื่อกันไม่ให้ที่นอนเลื่อน  บางที่หนักกว่าอีก เป็นเตียงเหล็ก และยกขอบขี้น อันนี้แหละตัวปัญหา ถ้าแม่บ้านพบ เตียงลักษณะ นี้ ก็ต้องยกที่นอนขึ้น และปู ถ้าที่นอน บาง ๆไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อซื้อที่นอนหนัก ๆ นั่นแหละปัญหา แต่แน่นอน สมัยนี้ จะใช้ที่นอน หนา ประมาณ 8นิ้ว – 10 นิ้ว มันก็คงทุลักทุเล เป็นแน่ เวลาปู และแล้วแม่บ้านของคุณก็จะ ถอดใจ ไม่อยากปูเตียง เพราะฉะนั้น เตียงไม่ยกขอบหรือ ไม่มีหลุมจะง่ายต่อการทำที่นอน ของแม่บ้าน เพราะแม่บ้านไม่ต้องยกที่นอนขึ้นเวลาปูเตียง และจะได้ไม่บ่นปวดหลังเวลาทำงาน