วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ธรรมมะ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรแปลก ไม่มี อะไรพิเศษ หรือ เป็นของวิเศษ แต่อย่างใด. มันมีของมันอยู่ แล้ว จะพบเจอหรือไม่ พบเจอมันก็มี ก็เป็นของมันอย่างนั้น. 
สร้างเหตุอันใด ผลย่อมเป็นอย่างนั้น ปลูกต้นมะม่วง ก็จะได้ผลมะม่วง. ต่อให้ขอร้อง กราบไว้ อ้อนวอน บนบาน ให้ต้นมะม่วงออกลูกเป็นมะนาว ย่อมเป็นไปไม่ได้ 
ธรรมชาติ ของต้นมะม่วง ย่อมออกลูกเป็นมะม่วง 
อย่าศึกษา ธรรมะกับเพราะเรื่อง ความพิเศษ หรือ ของวิเศษ หรืออยากเหนือ คนอื่น. 
จงศึกษา เพื่อความ หลุดพ้น จาก บ่วงทุกข์ ของตนเอง 

บันทึกธรรม
ครูออย.

การเขียนรีวิว ให้โรงแรม ครูเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่าน แต่บาง รีวิวก็เขียนเพื่อความสะใจ

การเขียนรีวิว ให้โรงแรม ครูเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่าน แต่บาง รีวิวก็เขียนเพื่อความสะใจ หรือ เป็นการเอาแต่ใจ ตัวเอง เพราะเป็นคนใช้ บริการหรือ คนซื้อบริการใช้อารมณ์ในการเขียน บางครั้ง รีวิวนั้นก็ส่งผล ด้านที่เสียหายให้กับสถานที่นั้นๆ ด้วยความตั้งใจ 
รีวิวโดยไม่ใช้เหตุผลว่า สิ่งที่ตัวเองเรียกร้องจากโรงแรมนั้น สมราคา ตามเนื้อผ้าหรือไม่ ลองเปรียบเทียบ ราคาห้องพัก ที่เคยพัก กับที่อื่นดูใหม ว่าเขาขายราคาต่ำ หรือสูง สิ่งที่เขาควรให้และให้ไม่ได้ บางทีเขาขายห้องพักราคาประหยัด และเราก็เลือกโรงแรมนี้เพราะราคาถูกกว่าที่อื่น ดังนั้น การบริการหรือ สิ่งที่โรงแรมจะให้ลูกค้าได้ ต้องมีต้นทุน รวมถึงพนักงานที่จ้างมา ก็ต้องมีจำกัด ทั้งวุฒิการศึกษา และวุฒิภาวะ บ้าง ตามต้นทุนของโรงแรมและราคาที่ขายออกไป
ถ้าคุณให้เหตุผล ในการเลือกโรงแรมที่ราคา ถ้าหากมันไม่สมราคา ที่จ่ายไป ก็ควรที่จะตำหนิติเตียนเขาได้ แต่โปรดช่วยมองต้นทุน โลเคชั่น ราคาที่ดิน ที่โรงแรม ที่เลือกด้วย ว่าอยู่ที่ไหน เขาให้บริการ คุณเหมาะสมหรือไม่ ไม่ใช่ ว่าซื้อบริการเขาแล้วต้องได้ดั่งใจ เป็นโรงแรมแล้ว เขาต้องเอาใจใส่ฉันทุกอย่าง แต่ไม่ยอมช่วยเหลือตัวเองเลยซักอย่าง
เช่น ลืมสายชาร์ตโทรศัพย์ แล้ว ไปยืมพนักงาน แต่เขาไม่มีให้ ก็ ตำหนิเขา ซะเสีย
ตัวเองชอบนอนหมอนแข็ง แต่หมอนโรงแรมนิ่ม ก็ด่าโรงแรม
อาหารเช้าที่เขามีให้บริการ สำหรับโรงแรม ราคาไม่ถึง 1000 บาท บางโรงแรมก็ขาย แค่คืนละ 500-600 บางที่ เขายังอุตส่าห์ เตรียมไว้ เผื่อความสะดวกให้ เราจะได้ไม่ต้องวิ่งไปหาข้าวเช้าข้างนอกตอนรีบไปทำงาน พอเขาเตรียมไม่ดีพอ ก็ว่าเขา ตำหนิเขา
ครูเป็นทั้งคนให้บริการ และเป็นคนใช้บริการ ถ้าหันมามองกันบ้าง เราก็จะจ่ายเงินอย่างมีความสุข นอนอย่างมีความสุข ยอมรับความไม่สมบูรณ์ ของกันและกันได้

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง และ สถานที่ในร่ม

คนโรงแรมคิดกับลูกค้า 😡: จ่ายค่าห้องแค่ 100 เรียกใช้ ยังกะห้องราคา 1000 ลูกค้าอยากได้ห้องดีๆ ก็ไปซื้อห้องแพงๆอยู่สิ ลูกค้านิ แย่ที่สุด
ลูกค้า คิดกับโรงแรม 😤: ฉันจ่าย ค่าห้องตั้ง 1,000 บาท บริการยังกะ ห้องราคา 100 โรงแรม นิ แย่ที่สุด รู้อย่างนี้ ไม่มาหรอก
คิดอย่างไหนมากๆบ่อยๆ เข้าก็จะได้อย่างนั้น.

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังนั่ง

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ต้นไม้ และ สถานที่กลางแจ้ง

น้ำจืดแค่หยดเดียว ไม่สามารถทำให้น้ำเค็มในแก้ว กลายเป็นน้ำจืด ที่ใช้ดื่มได้

น้ำจืดแค่หยดเดียว ไม่สามารถทำให้น้ำเค็มในแก้ว กลายเป็นน้ำจืด ที่ใช้ดื่มได้
ความดีก็เช่นกัน การคิดดี มีสติดี คิดบวก แค่ไม่กี่ครั้ง ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจผ่องใส มีพลังได้ 
ต้องทำดี คิดดี ซ้ำๆ หลายๆครั้ง เหมือนกับการหยดน้ำจืด ลงในน้ำเค็มในแก้ว หลายๆหยด นานๆ เข้าบ่อยๆเข้า น้ำเค็มก็จะหายกลายเป็นน้ำจืดไปเอง
ทำดีบ้างชั่วบ้าง คิดดีบ้างคิดชั่วบ้าง เท่าๆกันก็เหมือนกับ การเติมน้ำเค็มทีหนึ่ง เติมน้ำจืดทีหนึ่ง น้ำก็เค็มเหมือนเดิม 
หัดเติมน้ำจืด ให้มากกว่าน้ำเค็ม หยดน้ำเค็มให้น้อยลง 
คิดดี ทำดี พูดดี ให้มากขึ้น ลดการคิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่วๆ ให้น้อยลง
จิตใจ จะได้สะอาดผ่องใส มีพลัง มากขึ้น
ครูออย.


ถูกใจ

ธรรมชาติ คือความเป็นความจริง ที่ใครๆก็รู้ แต่ไม่ยอมรับมัน

ธรรมชาติ คือความเป็นความจริง ที่ใครๆก็รู้ แต่ไม่ยอมรับมัน 
เหมือนกับความแก่ และ เจ็บ ตาย นั่นแหล่ะ ที่มันมีอยู่จริง แต่ ก็ไม่มีใครยอมรับมันได้ 
ลองไปบอกความจริงใครสักคน ว่าแกแก่ และแกตาย.... คงได้แต่คำด่า แถมโดนถีบกลับมาแน่ๆ. 
เราต้องฝึกยอมรับความจริงจากการเปลี่ยนแปลง ไปเรื่อยๆ เมื่อยอมรับความจริง จากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยได้ สะสมไปเรื่อยๆในชีวิตประจำวัน สิ่งไหนที่ไม่ได้ดั่งใจชอบ มันเปลี่ยนไป มันผิดพลาดไป หรือคนรอบตัวทำให้เราถูกใจไม่ได้ ก็หัดยอมรับ มัน อย่าขัดเคืองหรือต่อต้าน ดิ้นรน
แค่ความเปลี่ยนแปลง หรือถูกขัดเคืองใจ เรื่องเล็กน้อยเรายังยอมรับมันด้วยใจสงบไม่ได้...,, เมื่อความแก่ เจ็บ และตาย มาถึง ต่อหน้าจริง คิดดูนะ ไม่มีใครชอบ ความแก่ เจ็บ ตายหรอก เมื่อเราเจอสิ่งที่เราไม่ชอบ เราย่อมขัดเคืองใจ ถ้าใกล้ความตายมากๆ เราก็ไม่ชอบมันมากๆ คิดดูเถอะ ว่าจะทุกข์ทรมาน ทุรนทุราย ขนาดไหน.
บันทึกธรรม
ครูออย

ในภาพอาจจะมี 3 คน, ผู้คนกำลังนั่ง, ตาราง และ สถานที่ในร่ม




บันทึกธรรม จากต้นมะม่วง

เรื่องราวของต้นมะม่วง เริ่มต้นจากเมล็ดมะม่วง จนกลายเป็นต้นมะม่วงต้นใหญ่ ออกลูกออกผล.
ต้นมะม่วงต้นนั้น ยังอยู่ที่เดิม แต่เปลี่ยนแปลงจากเมล็ดจนเติบโตเป็นต้น แต่กว่ามะม่วงต้นนั้นจะเติบโตได้. ต้องผ่านอุปสรรคหลายอย่าง ต้องอดทนกับแมลงที่คอยกัดกิน ต้องรอน้ำ รอฝน ต้องแตกรากฝอยหาอาหารในดิน. วันแล้ววันเล่า มะม่วงต้นนั้นผ่านกาลเวลา ในทุกวันที่มันเติบโต ใบก็จะร่วงหล่น ลงพื้นดินทุกๆ วัน.
จะเปรียบต้นมะม่วงกับเวลา. ว่าใบมะม่วงที่มันร่วงหล่นลงมา ก็เหมือนกับเวลา นั่นแหล่ะ. มันร่วงลงทุกวัน จะเก็บใบที่มันร่วง คืนต้นมะม่วงก็ไม่ได้.
สิ่งเดียวที่ทำได้ คือรอใบใหม่ให้งอกขึ้นมา. ครั้นจะรักษา ใบไม่ให้มันร่วงก็เป็นไปไม่ได้.
ธรรมชาติของใบมะม่วงกันก็ต้องแก่ และเหี่ยวเฉา ร่วงลงมาจากต้นอยู่ดี.
ต้นมะม่วงยังอยู่ที่เดิม แต่ต้นมะม่วงนั้นเปลี่ยนไป ตามเวลา. เราจะให้ต้นมะม่วงต้นนั้นกลับไปเป็นเมล็ดเหมือนเดิมไม่ได้. ได้แต่รอ เมล็ดใหม่จากม่วงต้นเดิม
ในเมื่อเติบโตมาเป็นมนุษย์แล้ว มีสติปัญญาแล้ว ก็จงใช้เวลาที่มีอยู่ในปัจจุบันให้คุ้มค่า. อย่ารอเวลาเสียไป เหมือนใบไม้ร่วง ถ้ามันร่วงไปแล้ว. ไม่ว่าจะเป็นใบไม้หรือเวลา ประโยชน์ ของใบไม้ก็คือปุ๋ย ประโยชน์ของเวลาก็คือประสบการณ์ อย่าไปยึดถือ หรือเหนี่ยวรั้ง สิ่งที่มันผ่านไปแล้ว.

ความสมบูรณ์แบบ มันไม่ได้มีอยู่จริง
ความเป็นจริงคือเราต้องยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบนั้นให้ได้
บันทึกธรรม
ครูออย
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังนั่ง และ สถานที่ในร่ม


คนที่ไม่รู้จักความสะอาดคือ. เขาไม่รู้ว่า ความสกปรกคืออะไร. ความสะอาดที่แท้จริงคืออะไร.

คนที่น่ากลัวที่สุด สำหรับแม่บ้าน คือ คนที่ไม่รู้งานทำความสะอาด และคนที่ไม่รู้จักความสะอาด มาคุมงานแม่บ้าน.
เพราะเขาจะไม่ยอมรับรู้อะไรเลย ว่าอันไหนเป็นไปได้ หรืออันไหนเป็นไปไม่ได้
กลัวคนที่บอกว่า เขาคิดว่า ทำได้สิ แม่บ้านต้องทำได้ แต่คนบอกไม่เคยทำ.
คนที่ไม่รู้จักความสะอาดคือ. เขาไม่รู้ว่า ความสกปรกคืออะไร. ความสะอาดที่แท้จริงคืออะไร.
เขาเข้าใจว่า ของที่เก่า เสื่อม ไปตามอายุการใช้งาน คือของที่สกปรก ของใหม่คือของที่สะอาด
เขารู้จักแต่ฝุ่น ว่าสกปรก.
เขาไม่รู้แม้กระทั่ง ว่าอันไหนคือคราบสกปรก. อันไหน คือคราบฝังแน่น ของอันไหนที่มัน เป็นรอยถลอก หรือผิวเคลือบมันเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน
ลองมาหัดสนใจ และใส่ใจ ความสะอาดกันใหม่ ใหม? เรียนรู้อย่างจริงจัง กับบ้าน ตัวเอง กับห้องของตัวเอง กับเสื้อผ้า ของตัวเอง. 
ไม่ใช่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นน้ำหอม คือผ้าที่สะอาด.
ไม่ใช่ บ้านที่มีกลิ่นน้ำหอมจากน้ำยาถูพื้น คือบ้านที่สะอาด
ความสะอาดที่แท้จริง ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม. เพื่อไปกลบเกลื่อนความสกปรก. ไม่ใช่ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคตายแล้ว บ้านสะอาด
ลองทำบ้านของตัวเองให้สะอาด กว่าที่ทำงานของคุณดู แล้วคุณจะรู้ ว่าการทำความสะอาดคืออะไร แล้วจะรู้ว่าแม่บ้าน เขาทำงานอย่างไร ถ้าเขามีปัญหาเกี่ยวกับความสะอาดเขาจะได้พึ่งพาคุณได้ เขาจะถามคุณ ว่าเขาทำแล้ว มันไม่สะอาด เขาขัดแล้ว มันไม่ออก คุณมีวิธีแก้ปัญหาให้เขาใหม ไม่ใช่บ่ายเบี่ยง หรือโยนกลับไปหาเขาว่า คุณเป็นแม่บ้าน คุณต้องรู้สิ ......

แสดงความรู้สึกเพิ่ม