วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีปฏิบัติตัว เมื่อเข้าพักโรงแรม

           หลายท่านคงจะเคยพักโรงแรมกันบ่อยๆ และก็เคยได้ยินเรื่องเล่าความไม่สะอาดของโรงแรมมามาก ถ้าหากเราจำเป็นต้องเข้าพัก ในโรงแรม ทั้งข้อจำกัดในเรื่องราคาและสถานที่ เราควรจะดูแลตัวเองอย่างไร
      เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าโรงแรม เป็นแหล่งรวมที่มีหลายคน หลายสัญชาติ เข้ามาพัก เหมือนกับเรา มานอน ห้องนอนที่ไม่ใช่ของเราที่บ้าน ดังนั้นความสกปรก เชื้อโรค แมลง และหลายๆอย่าง จึงมารวมอยู่ที่เดียวกัน ความสะอาดของห้องพักจึงจำเป็น เป็นอย่างยิ่ง สำหรับโรงแรม
     มีหลายโรงแรม ที่มองไม่เห็นความสำคัญเรื่องความสะอาดและอนามัยของลูกค้าที่เข้ามาพัก เพียงแค่ได้ขายห้อง ให้ผ่านไปวันๆ ก็พอแล้ว และยังได้เร่งรีบให้พนักงานทำความสะอาดอย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้ขายห้องพักได้ทันใจลูกค้า  ทั้งสภาพห้องเล็กและแคบไม่มีที่ถ่ายเทอากาศ บางห้องแทบไม่มี หน้าต่างระบายอากาศและเชื้อโรค  ความเหมาะสมของสภาพห้องพักกับอากาศที่ร้อนชื้น ในเมืองไทย เรียกได้ว่าคนละ อย่างกันเลย  แถมบางที่ยังมีพรม ไว้กักเก็บความชื้น และเป็นแหล่งที่อยู่ของ แมลง ที่เรียกว่า ตัวเรือดอีก
    ฉะนั้นการเลือกโรงแรมที่พัก ควรจะดูให้ดี ดูสภาพการตกแต่งห้องพัก บางครั้งก็ไม่ได้ดูแต่ความสวยงามอย่างเดียว  ดูแต่ความสะดวก อย่างเดียว ถ้าหากเราต้องพักในสถานที่นั้นเป็นเวลานานหลายวัน ควรจะ ป้องกันตัวเองไว้บ้าง ติดเชื้อมา มันไม่คุ้มกัน
     ถ้าหากโรงแรมใหนขายดี มากๆ การพักห้อง แทบจะไม่มีเลย มีการเปิดแอร์ตลอดสภาวะห้อง เป็นสภาพห้องปิดอยู่ตลอด การพักห้อง หมายถึง การฆ่าเชื้อในอากาศ ในห้องพัก คือการเปิดหน้าต่าง ระบายอากาศ ให้มีอากาศใหลเวียนภายในห้อง ให้แสงแดดส่องเข้าถึงห้อง
     และถ้าโรงแรมที่ขายดีมากๆ ไม่สามารถพักห้องได้ จะมีการฆ่าเชื้อโดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเข้าช่วย แล้วจะมีกี่ สักโรงแรม ที่จะทำแบบนี้ การฆ่าเชื้อ ไม่ใช่สเปรย์ ปรับอากาศนะคะ ไม่ใช่ว่าใช้สเปรย์ มาฉีดให้หอม แล้วบอกว่าฆ่าเชื้อแล้ว
     เมื่อภูมิต้านทานของเราลดลง ทั้งเรื่องสภาพอากาศ และการเปลี่ยนแปลงสถานที่ อาหารการกิน การทำงาน หรือเที่ยวอย่างหนัก ทำให้ภูมิต้านทานลดลง การติดเชื้อก็ยิ่งง่าย เข้าไปอีก ทีนี้เริ่มเห็นความสำคัญของ ห้องพักในโรงแรมหรือยัง
      เคยเขียนไว้ครั้งหนึงแล้ว ว่าถ้าหากคุณไปพัก ไม่ว่า ที่ไหน เมื่อห้องพักยังไม่ได้ทำความสะอาด หรือแม่บ้าน ทำห้องพักไม่ทัน อย่าได้ไปเร่งกับพนักงาน เพื่อที่จะได้ห้องพักเร็วๆ  เพราะแม่บ้านจะลนลาน ทันที และทำห้องให้คุณอย่างรวดเร็ว คิดดู ว่าจะเหลือความสะอาดที่ปราณีต ให้คุณหรือไม่ ถ้าหากเป็นไปได้ ควรจะปล่อย เวลาให้เขาทำงาน ไปที่อื่นก่อน ก็ได้
      ถ้าเป็นไปได้ ควรจะปล่อยให้ห้องพัก ได้ระบายอากาศบ้าง หากคุณเข้าพักกลางวัน ก็สั่งให้พนักงานเปิด หน้าต่างให้ระบาย ก่อนที่จะเข้าไปใช้ห้อง อย่าได้เข้าพักทันที หลังจากคนอื่นเข้าพัก เพิ่งคืนห้อง
     เพราะห้องน้ำ จะมีความชื้นสูง แม้ว่าแม่บ้านจะใส่น้ำยาฆ่าเชื้อ(แล้วแน่ใจใหม ว่าเขาฆ่าเชื้อเป็นอย่างดีแล้ว) และเช็ดให้แห้งก็ตาม ก็ควรปล่อยให้ มีการถ่ายเทอากาศในห้องบ้าง
     บางครั้งถ้าเราเข้าพักในโรงแรม ก็จะมองหาแต่ฝุ่น ถ้าไม่มีฝุ่นแม้แต่เล็กน้อยก็ถือว่าห้องสะอาด เชื่อเถอะ อากาศ และความชื้นที่อยู่ในห้อง สกปรกมากกว่าฝุ่นซะอีก ทีนี้เรามาสังเกตฝุ่นกัน ว่ามันฝุ่นระดับไหน จะถือว่าแม่บ้าน ละเลย มันไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนก็รู้จักฝุ่นกันอยู่แล้ว ดูว่าฝุ่นเบา หรือฝุ่นหนัก ฝุ่นที่จับตัวกันเป็นก้อนคือฝุ่นหนักก็หมายถึง แม่บ้านละเลย ฝุ่นเบาๆ ที่มองเห็นตามโต๊ะ หรือเครื่องเรือน ลอยมาตามอากาศ ตอนที่เราเปิดหน้าต่าง หรือฝุ่นผ้า อันนี้ไม่ใช่ปัญหา
   เคยมีคำถามจาก หลายๆท่าน ว่า ควรจะให้เวลาทำห้องแม่บ้าน กี่นาที คำตอบนี้ ไม่สามารถตอบเป็นมาตรฐานได้ ถ้าตามตำรา ที่เขาบอกไว้ ก็ 15,20,30, นาทีตามสภาวะของห้องคือ ห้องว่าง ห้องแขกอยู่ ห้องแขกเอ้าท์
        ทีนี้เราจะมาเอามาตรฐานตามตำราที่เขียนไว้หลายปี แล้ว มายึดถือไม่ได้ ในสมัยนี้ การตกแต่งห้อง ต่างกัน ของใช้ในห้องพักต่างกัน ขนาดห้องต่างกัน สภาพแวดล้อมของโรงแรมต่างกัน ทั้งเรื่องอากาศ และ สถานที่ ของโรงแรมก็ต่างกัน เช่น ภาคใต้โรงแรมที่ติดทะเลจะมีไอทะเล ฝุ่นจะเหนียวและการทำความสะอาดจะยากกว่าภาคกลางและภาคเหนือ
         การสร้างโลเกชั่นของโรงแรม ต้องขึ้นเขา ลงห้วย อยู่ในน้ำ อยู่บนหน้าผา เป็นหลังๆ ทำให้แม่บ้านเดินทำงานลำบากต้องแบกของขนของหลายเที่ยว เสียเวลา เพราะตอน สร้างไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เช่นทำห้องเก็บของใกล้ๆ บ้านพัก เพื่อให้แม่บ้านสะดวกต่อการทำงาน
            ลักษณะการใช้ห้องของลูกค้าต่างกัน บางคนสะอาด บางคนสกปรก ที่สำคัญความชำนาญในงานทำความสะอาดของ ตัวพนักงานเอง ก็ต่างกัน  ฉะนั้นเวลาจะจำกัดกับแม่บ้านมากๆ ไม่ได้ คุณภาพของห้องพักที่จะส่งให้ถึงมือลูกค้าจะตกทันที เมื่อมีการกดดันแม่บ้านมากๆ  ถ้าหากลูกค้ามี ที่ดีกว่าเขาก็จะไปจากโรงแรมเราทันที เหมือนกัน แต่บางครั้งที่เขาไม่ไป เป็นเพราะเขาต้องทนอยู่ เพราะจ่ายเงินมาแล้ว ขอคืนก็ไม่ได้ แล้วถามโรงแรม ที ว่าอยากได้ ลูกค้าที่ ทนอยู่ หรือ ลูกค้าที่อยู่ทน

                โลเกชั่น ความสวยงามและความแปลกใหม่ ไอเดียการสร้างสรรค์ ของโรงแรม รีสอร์ท เป็นเรื่องดี ที่เป็นสิ่งดึงดูดลูกค้า เข้ามาพัก แต่ถ้าคุณสวย สกปรก หล่ะ ใครเขาอยากจะอยู่กับคุณนานๆ เขาจะมาใช้คุณไม่กี่ครั้ง เมื่อคุณโทรมและ หมดสวย เขาก็จะไม่มาอีก แล้วหากคุณทำการตลาดหนักๆ เยอะๆ เข้า ก็จะเป็นเหมือนการตีหัวเข้าถ้ำ สร้างความผิดหวังและ เสียความรู้สึก กับลูกค้า
                     
            พูดถึงโรงแรมแล้วมันยาวทุกที ว่าจะเขียนถึงเรื่องการป้องกัน ตัวเองของผู้เข้าพัก ก็เลยเถิดถึง ส่วนโรงแรม เอ้า มาดูกัน
             1. เปิดหมอนดูซิ ว่า สภาพหมอนที่ใช้หนุนหัวนอน ใช้แก้มแนบ ใช้จมูกมุดๆ ลงไป ว่ามันสะอาดใหม มีกลิ่นเหม็นตุตุ หรือปล่าว ปลอกหมอนอาจจะดูสะอาด แต่ดูด้านในหมอนซิ เหลืองอ๋อย คราบน้ำหู น้ำตา น้ำลายใครต่อใคร หลายคน หยดแหมะ บนหมอนที่เราหนุนนอนใหม
                 วิธีแก้ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ หาซื้อกันเปื้อนหมอน หรือแพดหมอน ซักใบ ติดตัวไปด้วย เวลาเข้าพัก ก็ถอดปลอกหมอนออก แล้วใส่กันเปื้อนหมอน ทับอีกที แล้วก็ใช้ปลอกหมอนของโรงแรมได้ ปลอกหมอนส่วนใหญ่โรงแรมจะซักทุกครั้ง หลังเปลี่ยนลูกค้าอยู่แล้ว แต่เชื่อเถอะ ว่าส่วนใหญ่โรงแรม ไม่ซักหมอน ไม่ทำความสะอาดหมอน หลังเปลี่ยนลูกค้าทุกคนหรอก และก็ไม่มี กันเปื้อนหมอนรองหมอนให้เราด้วย เตรียมไปเอง ดีที่สุด
             2.   ดึงผ้าปู ออกมุมหนึ่ง เปิดดูที่นอน หรือเตียงนอน ว่าสภาพ เก่าแก่ขนาดใหน อันนี้แก้ไม่ได้เพราะเราคงจะแบกที่นอนไปด้วย ไม่ได้ ก็แค่ถ้าเลี่ยงได้ ก็เลี่ยง หากพบฟูกนอนเก่าแก่ขนาดนั้น ถ้านอนก็คงไม่ต่างจากนอนฟูก ที่มันใช้การไม่ได้ ปวดหลัง ปวดคอ ไปตามๆกัน
             3.   เปิดผ้าห่ม ที่อยู่ บนเตียงออกดู ก่อน เพราะบางครั้ง ห้องนั้นไม่ได้ขายเป็นเวลานาน แม่บ้านจะไม่ใส่ใจ ใต้ผ้าห่ม บางทีอาจมีอะไรซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม ก็ได้
             4. ตอนกลางคืน ปิดไฟให้หมด แล้วใช้ไฟฉายส่องดูตามขอบที่นอน ว่ามีตัวเรือดออกมาเพ่นพ่านหรือไม่    ถ้ามีละก็ เผ่นได้ ถ้านอนละก็คืนนั้นคุณจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ
            5.   แก้วน้ำ เอาไปลวกน้ำร้อน หรือล้างใหม่ ก่อนใช้ทุกครั้ง
            6.  ชักโครก สายชำระ อ่างล้างหน้า ให้เตรียม ยาฆ่าเชื้อมาด้วย ก็ให้ใส่สเปร์ ติดตัวมาเลย ฉีดให้ทั่วสุขภัณฑ์ ก่อนใช้

แค่นี้ก็ก็แล้วกันนะคะ มากไปกว่านี้ ละก็ ไม่ต้องไปไหนกันอยู่แต่บ้านอย่างเดียว
และก็เดียวคุณแม่บ้านโรงแรม จะมาแหกอกครูออย ^_^

           



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น