วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เตียงโรงแรม

...ว่าด้วยเรื่องของเตียงโรงแรม โดยส่วนมาก เราจะเข้าใจ ว่าเตียงในห้องพัก ผ้าปูต้องทนๆ เนื้อผ้าหยาบแค่ไหนไม่ต้องสนใจ "เวลาปูเตียงแม่บ้านต้องทำตึง เรียบแน่น" หมอนต้องแน่นๆแข็งๆบวมๆ เพื่อไม่ต้องยุบเร็ว แถมมีกลิ่นตุๆ หน้าตาบู้บี้ไม่เป็นทรงหมอน เตียงต้องมีหลุมมีขอบ กันฟูกตก ฟูกต้องแน่นๆแข็งๆ บางที่ก็ใช้ฟูกหุ้มหนังเพราะกลัวเปื้อน ผ้าชุดเตียงเหลือง ใช้มานานแค่ไหนก็ไม่ยอมเปลี่ยน

      บางห้องพักก็ออกแบบเตียง เวอร์วัง จนแม่บ้าน อยากจะลาออกจากงานปูเตียง  

   เตียงโรงแรมต้องเปลี่ยนผ้าบ่อยๆ ไม่ใช่เตียงบ้าน ที่จะเปลี่ยนผ้านานๆครั้ง   ที่บ้านจะทำเตียงหรูหราปูยากเย็น แม่บ้านเขาก็ไม่ว่าอะไร เพราะไม่รีบเร่ง                

      แม่บ้านโรงแรมจะมีน้อยเพราะไม่ค่อยมีใครมา

สมัครมาทำงานนี้ ขอบเขตการรับผิดชอบหลายห้องเกินกำลัง เวลาทำห้องก็จำกัดเพราะถูกเร่งให้ทำเร็วๆ  แถมถูกบังคับให้ปูให้ตึงอีก ก็หมดเวลาล้าง ส้วม กับทำความสะอาดห้องให้ปราณีตทันที  เอาแบบเร็วๆไวๆมาม่า  แต่ไม่มีเวลาให้  ก็ได้แต่เตียง เพราะเป็นสิ่งที่ดูว่าทำห้องเสร็จพร้อมขายง่ายที่สุด

         แม่บ้านส่วนใหญ่จะทุ่มเทกับการปูผ้าให้เรียบตึงที่สุด จนละเลยความสะอาดในห้องพัก  บางคนก็เข้าใจว่า มีหน้าที่เปลี่ยนผ้าปูเตียง เก็บฝุ่น  เซตของ  ห้องน้ำล้างทิ้งให้แห้งไม่ต้องขัด  เดี๋ยวรอ Renovete ทีเดียว ให้ช่างมาใส่ยาแนวใหม่ อันไหนไม่ไหวสกปรกมากก็ทิ้ง เปลี่ยนไปทีเดียว   ไม่ได้สนใจจะดูแลรักษา เพราะไม่มีเวลา ..เซลเค๊าขายห้องเก่ง แฮร่

    บางทีก็สนใจเก็บแต่ฝุ่น แต่ละเลยคราบสกปรกในห้องน้ำ คราบน้ำ คราบสบู่ ยาสีฟันเต็มกระจก ผนัง มีแต่คราบเชื้อราเหลืองๆ ตระกรันน้ำเต็มฝักบัว หัวก๊อกขึ้นสนิม คราบตระกรันน้ำเต็มหัวฉีดชำระ จนฉีดไม่ออก คราบเหลืองหินปูนเต็มคอห่าน เปิดฝารองนั่งด้านล่างก็มีแต่คราบราดำ แบคทีเรียก็สะสมตรงข้อต่อชักโครกจนดำปี๋  บางทีแม่บ้านเขาก็คิดว่าคราบเหล่านี้มันเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ไหนๆเขาก็เป็นกัน

     บางคนอาจจะสนใจผ้าปูเรียบตึงมากกว่าความสะอาดภายในห้องน้ำ และอาจจะสนใจฝุ่นมากกว่าความสะอาดของแหล่งเพาะเชื้อโรคร้ายแรง กับความชื้นและคราบสบู่ คราบไคลคน เป็นอาหารของเชื้อโรคอย่างดี

"ถ้าหากเรามาพิจารณาดีๆ ว่าเราต้องการคุณภาพการนอน และการใช้ห้องน้ำแบบๆไหน ในห้องพักโรงแรม "

.... ....แต่ถ้ามีห้องพัก ที่เขาจัดคุณภาพผ้าปูเตียงเป็นผ้าฝ้ายทอลินินเกรดดีๆ สะอาดสะอ้าน เนื้อเนียนนุ่มนอนสบาย แต่เวลาปูอาจจะไม่เรียบตึง เพราะเป็นลักษณะพิเศษของผ้า ปล่อยชายผ้าห่มคลุมเตียง แบบไม่ต้องยัดเข้าใต้ฟูก  ให้ลูกค้าลำบากลำบน ดึงผ้าออกจากปลายเตียง เท้าก็ไม่ล้ม นอนสะบาย  บ้านเราก็อากาศร้อน คงไม่มีบ้านไหน สอดผ้านวมเข้าใต้ฟูก เหมือนกับที่อากาศหนาวๆ เพราะเขาต้องเก็บผ้าเข้าใต้ฟูกให้คนสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มในสภาพอากาศเย็นจัด  ใส้นวมหน้าร้อนก็ควรเบาๆนุ่มๆ ไม่หนัก เหมือนห่มแล้วโดนผีอำ เปิดผ้าก็หนาวแอร์ ห่มผ้าก็ร้อนหลัง

ฟูกที่นอนฟู และนุ่มกำลังดี ไม่แอ่น สปริงไม่ยวบ ไม่แข็งจนเกินไป 

ส่วนงานห้องน้ำห้องหอมสะอาดสะอ้าน เหมือนเป็นห้องน้ำใหม่ เหมือนถอยออกมาจากโชวรูมสุขภัณฑ์ กระจกใสกิ๊กไม่มีคราบสบู่ฝาผนังห้องน้ำ ไม่สะสมเชื้อรา เงยขึ้นมองฝักบัว รดหัวก็ไม่มีคราบน้ำสะสม 

สมมุติว่าเราเป็นผู้เข้าพัก ถามใจลูกค้าดู ว่าเขาต้องการห้องพักแบบไหน ในราคาที่เท่ากัน 

ห้องพักคุณภาพดีๆ  จะทำงานเป็นเซลขายห้อง  และเป็นนักโฆษณาชั้นยอด ที่ออกจากปากลูกค้า และจะเป็นนักรีวิว ดีๆ ให้กับโรงแรมเอง 

ห้องพักที่ไม่ดีถ้าเรานอนไม่ได้ ลูกค้าก็เช่นกัน

 มีโรงแรมเปิดใหม่คุณภาพการนอนดีกว่าเขาก็ไป

เป็นกำลังใจ ให้ทุกคนนะจ๊า  ผู้เข้าพักได้ที่นอนดีๆคุ้มค่า เจ้าของโรงแรมลูกค้าเยอะขึ้น  แม่บ้านก็ทำงานอย่างมีความสุข..สุขภาพดี😍🥰😇


วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

การเปลี่ยนชุดผ้า ในห้องพักโรงแรม

จารย์ ลูกค้าบอกให้เปลี่ยนผ้า ที่นอนทั้งชุด ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้เลย 

หนูเปลี่ยนผ้าใหม่ทั้งชุดกับมือ เลย แต่ลูกค้าไม่เชื่อใจ บอกให้เปลี่ยนผ้า ให้เห็นกับตา

    ”ลูกค้าทำไม ถึงเป็นแบบนี้  “

โรงแรมเราไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ให้ลูกค้าใช้ผ้าเก่าของลูกค้า คนอื่น เสียงแม่บ้านบ่นมาพร้อมกับอาการ นอยย์ สุดขีด 

    เอาความจริงใหม เพราะ เราถูกฝึกมาแบบนี้ แต่แรก เราซื่อสัตย์ กับลูกค้ามาตลอด เปลี่ยนผ้าชุดใหม่ที่ซักสะอาดแล้ว ให้ลูกค้า เชคอินใหม่ แต่ลูกค้าคนเดิม สามารถใช้ผ้าชุดเดิม โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยน จนครบสามวัน หรือ จนถึงเชคเอาน์ ถ้าผ้าไม่เปื้อน ก็ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะปกติ ที่บ้านคนทั่วไป ก็ไม่ได้เปลี่ยนผ้าทุกวัน  อยู่แล้ว 

         แต่.....จะมีแม่บ้าน บางโรงแรม ไม่ได้ทำตามกฎนี้อย่างเคร่งครัด  เลยทำให้ลูกค้าเคยพักที่อื่น หวาดระแวง ว่าจะต้องใช้ผ้าชุดเดิม ที่คนอื่นเขาใช้  

เหมือนกับว่า เราเอาเสื้อที่ไม่ได้ซักของคนอื่นมาใส่  ขี้กลาก ขี้เกลื้อน น้ำเลือดน้ำหนอง ไอจาม คราบสารคัดหลั่งสารพัด ติดอยู่ที่ผ้าที่ถูกคนอื่นใช้แล้ว ก็จะโดนตัวเขา 

         สาเหตุ คือ 

1. แม่บ้านเข้าใจผิด หรือไม่รู้ เพราะคิดว่าใช้ผ้าซ้ำ กันได้ ผ้าลูกค้าคนก่อนนอนคืนเดียวเอง 

     ยังดีอยู่ ไม่เปื้อน ก็สบัดผ้า เคลียร์ผ้า ให้ลูกค้าคนใหม่ นอนต่อได้ 

2. แม่บ้านไม่เพียงพอ ทำห้องเชคเอาน์ไม่ทัน เวลาน้อยเกินไป ที่จะเปลี่ยนผ้าทั้งชุด โดยเฉพาะซองนวม มันเปลี่ยนยาก 

     เลยดรายผ้าเนียนๆ ส่งห้องไป ใครจะรู้ 

3. ผ้าซักไม่ทัน สต๊อกผ้าโรงแรม ไม่เพียงพอ ระบบซักรีดไม่แน่น เร่งผ้ามากเกินไป ผ้าเสีย เปื้อน เยอะ 

    แม่บ้านตบตีแย่งผ้ากัน คนไหนไม่ทันก็ไม่มีผ้าเปลี่ยน เลยเนียนผ้าชุดเดิม ขายต่อไป 

4. วัฒนธรรมการประหยัดค่าซักผ้า ไม่ต้องเสียค่าส่งผ้าซักเยอะ  ต้นทุนซักค่าผ้าแผนกแม่บ้านน้อยลง 

    ก็จะได้รับการประเมิน ว่าช่วยลดต้นทุน เก่งมาก

5. แม่บ้านขยันน้อย เพราะเปลี่ยนผ้า มันเหนื่อย เสียแรง เสียเวลาเยอะ เปลี่ยนทำไม

     นี่ไงหล่ะ กฎหมายโรงแรมเขาถึงเคร่งครัดเรื่อง

สุขอนามัย ในห้องพัก แต่แม่บ้าน เขาไม่รู้ 

ครูออย อบรมแม่บ้านโรงแรม


วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

มินิบาร์แม่บ้านโรงแรม

คราวนี้ อยากเขียนเรื่อง มินิบาร์ ในห้องพัก 

   เอาความเป็นจริง จากใจแม่บ้าน เลย ทุกคนจะสยองกับ ของในตู้เย็น และขนมขบเคียว ต่างๆ ที่ขายในห้องพัก 

เพราะหลายๆ โรงแรมจะประโคมใส่ ในห้อง ประหนึ่งร้านขายของชำเล็กๆ   

  ให้แม่บ้าน เป็นคนคอยเติมของ  ทุกคนก็สดุ้งเฮือกๆ ตอนเชคเอาน์ ได้ยินเสียงฟร้อน รบกับแขก เรื่องกิน ไม่ได้กิน สุดท้าย ก็มาลงที่แม่บ้าน คุ้ยขยะ หาหลักฐาน ไปเถียง ลูกค้า  ถ้าหากันไม่ได้ ก็หาว่าแม่บ้านลืมเติม ของโดนหักเงินเดือน เซอร์วิตชาร์จอันน้อยนิด ไม่อยากเสียประวัติ ก็ซื้อมาเติมเอง  

     แค่ทำห้องเชคห้อง ไม่ให้มีขนสักเส้น หล่นบนพื้น ห้องน้ำสะอาดกริ๊บ เตียงเรียบแปร้  เชคเก๊ะทุกเก๊ะ ไม่ให้มีถุงยางใช้แล้วซ่อนอยู่ บางทีลูกค้าก็กลัวแม่บ้านเหงา เอาถุงยางซ่อนหลังโซฟา เล่นซ่อนหากางเกงใน ใต้เตียง และถูกกดดันให้ทำห้องในเวลา อันจำกัด (เพราะลูกค้าจะกินหัวรีเชฟชั่นรอ ถ้ายังไม่ได้ห้อง)  ยังต้องมาคอยห่วงเติม ของเชควันหมดอายุ ระแวงแขกเจาะก้นกระป๋องเบียร์ เอาโค้กเติมในขวดเหล้า แล้วแปะสแตมป์ซะเนียนเลย สารพัดกลวิธี ที่ลูกค้าจะกินแล้วไม่อยากจ่ายตังค์ 

    ตอนเชคเอาน์แทนที่จะได้รีบทำห้อง เพราะกำลังคนมีน้อย ก็ต้องมาวิ่งหาหลักฐาน กระป๋องเบียร์ขวดเหล้า ถุงขนม เปลือกถั่ว สารพัด เพื่อไปยืนยันกับลูกค้า 

   ต้องเชคผ้าเปื้อนเลือด เฮนน่า ยาย้อมผม รองเท้าแตะหาย ผ้ามือหาย ขวดแชมพูแตก ช้อนกาแฟหาย ไดร์เป่าผม หาย  ฯลฯ แม่บ้านเชคห้อง ยังกะมีตาสัปรส ในเวลาไม่ถึงห้านาที ต้องครบ เพราะลูกค้ารอไม่ได้ 

    แต่พอลูกค้าถูกชาร์จความเสียหายเรื่องผ้าเปื้อน และมินิบาร์ (ต้นทุนราคาไม่กี่บาท แต่ชาร์จซะแพงลิ่ว) ในส่วนที่เขาไม่พอใจตอนเชคเอาน์ 

จากความประทับใจ บ๊ายๆ ฉันชอบเธอ แล้วจะกลับมาอีกนะ แล้วจะบอกให้คนอื่นมาพักโรงแรมเธอเยอะๆ  

 เมื่อลูกค้าวีนตอนเอาน์ ทะเลาะกันเรื่องโค้กกระป๋องละ 20 บาท 

ฟร้อนจะลุกเป็นไฟ แทนที่ลูกค้าจะจากไปแบบสวรรค์  บอกเลย นรกชัดๆ ทั้งของพนักงานและลูกค้า 

รีวิวความสะพรึงของลูกค้าจะปลิวว่อน ไปทุกๆที่ 

อันนี้แค่โค้กกระป๋องเดียว ที่ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย 

   ทางออกการบริการมินิบาร์ ลูกค้าสมัยนี้ มีเยอะแยะ โรงแรมสมัยใหม่ไม่จำเป็น ต้องเลียนแบบ โรงแรมรุ่นเก่าที่เขาทำๆกัน 

เมื่อก่อนมันไม่มีเซเว่น เราก็บริการมินิบาร์ให้ แต่สมัยนี้ เซเวน เล่นบริการถึงหัวกระไดบ้าน 

  “มินิบาร์ยังจำเป็นต้องขายอยู่ใหม ลดภาระตรงนี้ ให้แม่บ้านไปทำหน้าที่ของเขา คือล้างส้วมให้สะอาดเถอะ”

ครูออย อบรมแม่บ้าน

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

งานเยอะเงินน้อย เอาไงดี

“ถ้ามีความรู้ ให้เลือกเงิน 

ถ้าไม่มีเงิน ให้เลือกความรู้”

      มีน้องๆ โรงแรม หลายคนที่มาบ่นให้ฟังถึง เรื่องการเอาเปรียบในที่ทำงาน หน้าที่เยอะ เงินน้อย ทำทุกอย่างจนหัวหมุน ยิ่งอยู่นาน งานยิ่งเพิ่ม แต่เงิน ไม่วิ่งตามงาน 

    ที่จริงก็ไม่ควร บ่นให้คนที่เขาทำงานด้วย เสียใจ 

ถ้าคิดว่าถูกเอาเปรียบ และตัวเองมีความสามารถมาก แต่เงินน้อย ก็ควร ไปทำงานในที่  ใช้ความสามารถของตัวเองให้เต็มที่ เรียกร้องเงินตามความสามารถ ในที่ทำงานใหม่ ที่เขาเห็นคุณค่า ของตัวเรา 

      แต่ถ้าหาก หาแล้วไม่เจอ ไปที่ไหน ก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม หรือเขาพิจารณา ให้เงินเหมือนกันทุกที่ 

ลองหันกลับมาที่ตัวเอง ว่าความสามารถที่มีอยู่ มันมีน้อยเกินไป หรือมากจนล้น ไม่มีคนรับได้ 

ออกมาเลย ออกมาสร้างงานเอง ไม่ต้องไปของาน ใครเขาทำ 

เพื่อพิสูจน์ ตัวเอง จะได้ไม่บ่น ไม่น้อยใจ